นางสาวศุภรัตน์ อารีย์วงศ์ Executive Director กลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (“SCBAM”) เปิดเผยว่า จากคำปราศรัยของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีทิศทางการดำเนินแนวนโยบายการค้าผ่อนคลายกว่าที่คาด โดยเฉพาะนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้ากับจีนและประเทศอื่นๆ ที่จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น รวมทั้งช่วยลดความกังวลต่อแนวทางการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการปรับตัวด้านผลประกอบการของธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการลดภาษี อย่างไรก็ดี SCBAM มองว่า การลงทุนในยุคทรัมป์ 2.0 ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเลือกสินทรัพย์ลงทุนที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยแนะนำลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงพอร์ตในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเติบโต และตราสารหนี้คุณภาพที่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ ควบคู่ไปกับการติดตามสถานการณ์การขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างมีเสถียรภาพได้
สำหรับธีมการลงทุนที่น่าสนใจ SCBAM ได้แบ่งออกเป็น 5 ธีม คือ (1) ธีม Global Resilience หุ้นศักยภาพทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากความคาดหวังกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มี 2 กองทุนแนะนำคือ กองทุน SCBLEQ เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีเสถียรภาพ ทำให้การลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ในช่วงตลาดขาขึ้นและลดความเสี่ยงช่วงตลาดขาลง (กองทุน Morningstar 4 ดาว จาก Morningstar ประเภท Thailand Fund Global Equity ณ 31 ธ.ค. 2567) และกองทุน SCBGPA(*1) เน้นลงทุนใน Private Assets ทั่วโลกโดยลงทุนใน Private Equity เป็นหลัก ผสมด้วย Private Credit บางส่วน ช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการกระจุกตัว เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยและยังมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการไถ่ถอนเป็นรายเดือน การลงทุนธีมนี้ จึงมีโอกาสสร้างพอร์ตให้เติบโตไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสริมคู่ไปกับการสร้างความทนทานให้พอร์ตต่อความผันผวนของตลาดได้
2.ธีม AI Spreading หุ้นโลกและหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ AI มีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ขยายตัว และการนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายธุรกิจ โดยมี 3 กองทุนแนะนำคือ กองทุน SCBUSA เน้นกระจายลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่มีความมั่นคงทางธุรกิจและมีศักยภาพการเติบโต ถัดมาคือกองทุน SCBDIGI เน้นลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี และ Digital Transformation ทั่วโลก (กองทุนหลักได้รับ Overall Rating 4 ดาว จาก Morningstar ประเภท EAA Fund Sector Equity Technology ณ 31 ธ.ค. 2567) และกองทุน SCBROBO เน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics) ทั่วโลก (กองทุน Morningstar 4 ดาว จาก Morningstar ประเภท Thailand Fund Global Technology ณ 31 ธ.ค. 2567)
3.ธีม Bull Broadening หุ้นเล็กสหรัฐฯ โดดเด่น ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายทรัมป์และทิศทางการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีโอกาสที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตแบบกระจายหลายกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยมี 2 กองทุนแนะนำคือ กองทุน SCBUSSM เน้นกระจายลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดกลางและเล็ก ที่มีโอกาสการเติบโตสูงในระยะยาว และกองทุน SCBRS2000 เน้นลงทุนในหุ้นตามดัชนี Russell 2000 ครอบคลุมหุ้นขนาดเล็ก 2,000 ตัวในสหรัฐฯ
4.ธีม Domestic Driven หุ้นแกร่งด้วยปัจจัยภายในประเทศ นำโดยอินเดียและอินโดนีเซีย สองประเทศที่พึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ช่วยลดแรงกดดันจากปัจจัยความเสี่ยงภายนอกประเทศ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือสงครามการค้า โดยมี 2 กองทุนแนะนำคือ กองทุน SCBINDEQ เฟ้นหาหุ้นอินเดียคุณภาพสูงที่มีศักยภาพการเติบโต และกองทุน SCBINDO เน้นลงทุนในหุ้นตามดัชนี MVIS Indonesia ที่มีจุดเด่นด้านการกระจายตัวของสัดส่วนการลงทุนในหุ้นรายตัวและกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างจากดัชนีอื่นในตลาด ช่วยลดความเสี่ยงการกระจุกตัว
5.ธีม Yield Stability เน้นตราสารหนี้คุณภาพดีที่ยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่ทรงตัวระดับสูงและผันผวนต่ำกว่าหุ้น ในช่วงที่ Fed ยังอยู่ระหว่างการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงมีกระแสเงินสดรับสม่ำเสมอ โดยมี 4 กองทุนแนะนำคือ กองทุน SCBINC เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศทั่วโลก มุ่งสร้างกระแสเงินสดรับสม่ำเสมอ (กองทุน Morningstar 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Global Bond ณ 31 ธ.ค. 2567) กองทุน SCBGSIF เน้นลงทุนตราสารหนี้ระดับ Investment Grade ทั่วโลก กองทุน SCBUSHY(*2) เน้นสร้างผลตอบแทนจากตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ อายุเฉลี่ย 1 ถึง 3 ปี และกองทุน SCBSNLOAN(*1) เน้นลงทุนในสินเชื่อไม่ด้อยสิทธิและมีหลักประกัน (Senior Secured Loans) ในสหรัฐฯ
นางสาวศุภรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้เศรษฐกิจโลกอาจส่งสัญญาณชะลอตัว แต่โอกาสลงทุนในปีนี้ยังมีอีกหลายทางเลือกกับสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีเพื่อการลงทุนในระยะยาว แนะนำให้ผู้ลงทุนศึกษา พิจารณาความเสี่ยง และวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ ก็จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ต้องการได้”