‘อนันต์กร อมรวาที’ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน คนใหม่ เผยวิสัยทัศน์ สร้างความรับรู้ เข้าใจ เข้าถึง “ผู้บริโภค” บทบาทในวาระ 3 ปี) ต้องสร้างการยอมรับและความน่าเชื่อถือของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่าน 3 ภารกิจ การรับรู้แบรนด์ การพัฒนาคุณภาพสมาชิกที่มีบริการครบวงจรชัดเจนทุกเรื่องรับสร้างบ้าน จัดวางการสร้างฐานข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำมาวิเคราะห์แนวทางเสริมขีดความสามารถ ยกระดับมาตรฐานการทำธุรกิจยุคใหม่ แต่ยังคงเน้นย้ำการทำธุรกิจ ภายใต้กรอบ ‘ESG’ พร้อมตีกรอบคุณสมบัติรับสมาชิกฯ หวังอุดรูรั่วปัญหาร้องเรียนให้ได้การยอมรับจากลูกค้า
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน หรือ HBA เปิดเผยวิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนสมาคมฯ ในวาระปี 2568–2570 ว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี สมาคมฯ มุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานงานรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ยังคงเดินหน้าสร้างสิ่งใหม่ที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจรับสร้างบ้าน และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงเป็นฟันเฟืองให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัว ท่ามกลางความท้าทาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การแข่งขัน และพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยกำหนดวิสัยทัศน์มุ่งสร้างการยอมรับและความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยขับเคลื่อนภายใต้ภาระกิจหลักใน 3 ด้าน “B-Q-O” ซึ่งประกอบด้วย
B (Brand Awareness) การสร้างความรับรู้การทำงานของธุรกิจรับสร้างบ้าน สินค้าและบริการ จากบริษัทสมาชิกเป็นอย่างไร มีความแตกต่างกับธุรกิจก่อสร้าง หรือธุรกิจอสังหาฯ อื่นๆ เช่น การสร้างบ้านพร้อมขายอย่างไร สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่งมอบคุณค่าสินค้าและบริการ ให้ผู้บริโภคได้อย่างไรบ้าง โดยการสื่อสารจะทำผ่านช่องทางสื่อใหม่ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ เข้าใจ เข้าถึง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคในการใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกฯ ซึ่งกระจายตัวอยู่ในทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น
Q (Quality) มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสมาชิก ด้วยการคัดเลือกบริษัทสมาชิกที่มีคุณภาพจากทั่วประเทศ ส่งต่อการให้ความรู้ผ่านการฝึกอบรมต่าง ๆ พัฒนางานด้านวิชาการ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เช่น การสร้างคู่มือมาตรฐานการก่อสร้างกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งสามารถนำผลงานวิชาการเหล่านั้นมาปรับใช้ในเรื่องการก่อสร้างให้มีมาตรฐานคุณภาพของงาน และการส่งต่อการบริการของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น
O (Organization) การพัฒนาระบบเก็บข้อมูลสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอุตสาหกรรม รวมทั้งเสริมขีดความสามารถทางธุรกิจ การแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น
“สมาคมฯ เดินหน้าสร้างการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วประเทศให้มากขึ้น โดยเน้นย้ำถึงคุณภาพมาตรฐานสินค้าการให้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิก ซึ่งมีพร้อมรองรับการขยายตัวของตลาด ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะความต้องการของผู้บริโภคในการสร้างบ้านมีหลากหลายระดับราคา เราต้องตีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ออก และตอบโจทย์ ผู้บริโภคให้ได้ เชื่อว่าภายใต้แนวคิดและการขับเคลื่อนตามภาระกิจดังกล่าว จะเพื่อสร้างการรับรู้ เข้าใจ และเกิดการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วประเทศมากขึ้น” นายอนันต์กร กล่าว
นายอนันต์กร กล่าวว่า การพัฒนาองค์กรในฐานะสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้วางกรอบการทำธุรกิจของสมาชิกให้เดินตามแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สร้างการอยู่ร่วมกันกับชุมชน และสังคม และการมีธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใส มีความจริงใจต่อผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน (Sustainable) สร้างสังคมที่น่าอยู่ร่วมกัน
ด้านการทำการตลาดให้กับบริษัทสมาชิก สมาคมฯ ได้มีการจัดงานกิจกรรมงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Focus” และงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo” เป็นอีเว้นท์ทางการตลาดปีละ 2 ครั้ง ช่วงต้นปี และปลายปี เพื่อให้บริษัทสมาชิกได้เข้าถึง การแสดงสินค้าและบริการต่อผู้บริโภคโดยตรง และในปีนี้ได้วางแผนการทำโรดโชว์ในต่างจังหวัด เป็นการทำงานเชิงรุกเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภค
สำหรับสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2568 หากประเมินจากการแบ่งเซ็กเมนต์ (Segment) ตามระดับราคา ในเซ็กเมนต์บ้านต่ำกว่า 5 ล้านบาท คาดว่ากำลังซื้อในกลุ่มนี้เกิดการชะลอตัวและหดตัวลง จากปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ที่เป็นผลมาจากค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
ขณะที่เซ็กเมนต์ระดับราคาบ้าน 5–10 ล้านบาท ได้รับผลกระทบมากรองลงมา เนื่องจากการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยากขึ้น ส่งผลให้การยื่นขอสินเชื่อได้รับการปฏิเสธ หรือ อนุมัติแต่ไม่เต็มวงเงินที่ต้องการ
ด้านเซ็กเมนต์ระดับราคาบ้าน 10–20 ล้านบาท ได้รับผลกระทบปานกลาง เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบทางอ้อม ทำให้ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไป
ส่วนเซ็กเมนต์บ้าน 20 ล้านบาทขึ้นไป เป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้มีเงินออมอยู่แล้ว แต่ด้วยความไม่มั่นใจสถานการณ์การเมือง และเศรษกิจ ทำให้มีผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจออกไปบ้าง
“ในอนาคตสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านก็จะเป็นองค์กรที่มีองค์ความรู้เรื่องการสร้างบ้าน เป็นศูนย์กลางข้อมูล สถิติ และนวัตกรรมที่เกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีความเชื่อถือได้ เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค และเป็นองค์กรกลางที่ช่วยพัฒนาความสามารถเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับบริษัทสมาชิก เป็นที่ยอมรับในวงกว้างได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งหมดนี้จะเป็นการทำงานในวาระ 3 ปี เพื่อให้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างการเติบโต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศร่วมกับทุกภาคส่วนได้อย่างยั่งยืนสืบไป” นายอนันต์กร กล่าว
ในส่วนของปัญหาการร้องเรียนบริษัทรับสร้างบ้านของสมาชิกสมาคมฯ นั้น นายอนัตกร กล่าวว่า สำหรับในปีที่ผ่านมานั้น ทางสมาคมฯ เองได้รับเรื่องร้องเรียนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสร้างบ้านไม่เสร็จ แต่จะได้รับการ้องเรียนในเรื่องของคุณภาพบ้าน บริการหลังการขายบ้าน ซึ่งไม่ได้ดั่งใจบ้าง แต่ว่าบ้านสร้างไม่เสร็จแทบไม่มี ซึ่งทางสมาคมฯ ก็ได้มีการพูดคุยกันในคณะกรรมการฯ ว่า จะทำอย่างไรกับอนาคตก็มองว่า ประเด็นแรกก็จะเป็นในเรื่องของการคัดกรองสมาชิกอย่างเข้มงวด ซึ่งในอดีต เราจะใช้เพียงดุลพินิจเท่านั้น ในการคัดเลือกสมาชิกที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกในสมาคมฯ แต่ในปัจจุบันนี้ มันจะมีตัวชี้วัดเข้ามาพิจารณาคัดเลือกสมาชิกฯ ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า ในมุมมองของผู้ประกอบการมีแนวคิดอย่างไรเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้าน เข้าใจในตัวธุรกิจหรือไม่ หากเข้ามาจะทำประโยชน์ให้กับภาพรวมของธุรกิจได้หรือไม่
ประการที่สอง สำหรับในส่วนขององค์กรที่เขามี มันครบถ้วนหรือไม่ มีสถาปนิก วิศวกร แบบบ้าน และมีสำนักงานที่ชัดเจนหรือไม่ รวมไปถึงการจัดการงานก่อสร้างได้หรือไม่ และในเรื่องความพึงพอใจของลูกค้า โดยทางสมาคมฯ เองได้มีการสอบถามลูกค้าว่าเขามีความพึงพอใจมากน้อยแค่ไหนกับผู้ประกอบการรายนี้
สำหรับปีนี้ ทางสมาคมฯ จะมีการปรับตัวชี้วัดใหม่ทั้งหมด เพราะฉะนั้น ตรงจุดนี้ทางสมาคมฯ จึงได้วางมาตรฐานใหม่ทั้งหมด ใครจะเป็นสมาชิกกับเราจะต้องทำตามแบบมาตรฐานนี้เท่านั้น
ในส่วนของการไปตรวจสมาชิกฯ ทางสมาคมฯ จะคัดเอาบุคคลที่มีประสบการณ์สูงๆ เข้าไปแนะนำ เพื่อพิจารณาว่า คนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกนั้นสามารถผ่านกฎเกณฑ์ที่เราได้ตั้งเอาไว้หรือไม่ เพราะในอดีต สมาคมฯ จะใช้หลักเกณฑ์เพียงดุลพินิจเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ เราจะใช้เกณฑ์ในการเข้าไปตรวจหากเข้าไปตรวจ 5 คน แล้วไม่ผ่านคนเดียว ตรงนี้ถือว่าไม่ผ่านการพิจารณาที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมฯ
‘ตอนนี้สมาคมฯ จะมีความชัดเจนในเรื่องของมาตรฐาน ความเป็นมืออาชีพ ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน หากสมาชิกที่จะเข้ามาสมัครกับเรา มันจะมีตัวชี้วัดว่า จะต้องผ่านกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่ผ่านตรงจุดนี้ก็ถือว่าผู้ประกอบการรายนั้นก็ไม่สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกกับสมาคมฯ เราได้ เมื่ออดีตอาจจะเป็น 3 ใน 5 คน แต่ในยุคผมต้องผ่านทั้งหมดหากพิจารณา 5 คน จะต้องได้รับพิจารณาผ่านทั้งหมดถึงจะเข้ามาเป็นสมาชิกฯ เราได้’นายอนันตกร กล่าว
นายอนันตกรกล่าวต่อว่า ในส่วนของการร้องเรียนนั้น ทางสมาคมฯ จะมีร่างข้อบังคับใหม่ ถ้าผู้ประกอบการรายไหนมีปัญหาแบบนี้ มีการร้องเรียนจะต้องฟีดแบ็กกลับมาตามข้อกำหนดของสมาคมฯ หากไม่ฟีดแบ็กกลับมา ทางสมาคมฯ เองก็จะได้วางแนวทาง ว่าจะสามารถทำอะไรกับเขาได้บ้างเพื่อให้เขาปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด ปัจจุบันนี้ สมาคมฯ มีสมาชิกรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 75 ราย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เฉพาะในธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่วนในปีนี้จะมีการขยายฐานคาดว่า จะเพิ่มขึ้น 12% ทั่วภูมิภาค
‘