เนสท์เล่ฯ จับมือสมาคมชาวสวนกาแฟไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศไทย โดยเนสท์เล่จะรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศไทยในฤดูการผลิต 2567/2568 ด้วยราคาที่เป็นธรรมอ้างอิงตามราคาตลาดโลก พร้อมมุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกอย่างยั่งยืนด้วยหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของกาแฟ เพื่อให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “การลงนามในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่และเนสกาแฟในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟชาวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา เนสท์เล่มีความยินดีรับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าโดยตรงจากเกษตรกรไทย ในราคาที่เป็นธรรม อ้างอิงตามราคาตลาดโลก ความร่วมมืออันยาวนานนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า ผลผลิตเมล็ดกาแฟจะมีตลาดรับซื้อที่ไว้วางใจได้ ช่วยให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทำให้เราสามารถผลิตกาแฟคุณภาพภายใต้แบรนด์เนสกาแฟเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”
นอกจากนี้ เนสท์เล่จะดำเนินโครงการให้ความรู้และจัดฝึกอบรมให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟเกี่ยวกับการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาผลผลิตกาแฟทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพแล้ว ยังจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่เพาะปลูกและปกป้องสิ่งแวดล้อมให้เกษตรกรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ พร้อมกันนี้ เนสท์เล่จะเดินหน้าดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์กาแฟ เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงสายพันธุ์กาแฟที่ให้ผลผลิตในปริมาณที่ดีและมีคุณภาพอีกด้วย
นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า “ชุมพรเป็นแหล่งผลิตกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าอันดับ 1ในประเทศไทย มีพื้นที่ปลูกกาแฟกว่า 57,729 ไร่ และมีเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟรวม 2,074 ครัวเรือน (ที่มา: ข้อมูลการผลิตกาแฟของจังหวัดชุมพร ปี 2566) ผมมีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในจังหวัดชุมพร ในการปลูกกาแฟที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดชุมพรในการพัฒนากาแฟชุมพร สู่การเป็น “มหานครโรบัสต้า” ที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและในระดับโลก”
นายประยูร สงค์ประเสริฐ นายกสมาคมชาวสวนกาแฟไทย กล่าวว่า “การสนับสนุนจากเนสท์เล่ ทำให้เรามีความรู้ในการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน รวมไปถึงความรู้เรื่องของหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู ได้ผลผลิตและเมล็ดกาแฟคุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้ การรับซื้อเมล็ดกาแฟในราคายุติธรรมทำให้เรามีรายได้ที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขอขอบคุณเนสท์เล่ที่ส่งเสริมอาชีพการปลูกกาแฟให้คงอยู่ต่อไป”