บมจ. เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ เผยกลยุทธ์ ดึง “ดร. นรัตถ์ สาระมาน” ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเทคโนโลยี เข้าเสริมทัพ หวังขยายฐานพัฒนาโครงการ รุกกลุ่ม โทรคมนาคม-ซอฟต์แวร์-โครงสร้างพื้นฐาน ปั๊ม Passive Income ดันผลงานปี 67 สร้างสถิติสูงสุดใหม่
นายพดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในการขยายธุรกิจ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจต่างๆ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในฐานะ “ผู้พัฒนาโครงการงานระบบ” ในหลากหลายธุรกิจที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต พร้อมทั้งสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้รายได้ในปี 2567 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดและทำสถิติสูงสุด
ล่าสุด SAAM ได้ร่วมมือกับ ดร.นรัตถ์ สาระมาน ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ปัจจุบันตำรงตำแหน่งนายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) และ กรรมการสภาดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการเป็นผู้พัฒนาโครงการ และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มโทรคมนาคม งานด้านซอฟต์แวร์ (Software as a Service) งานด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) รวมถึงงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ที่มองว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง และรองรับกระแสของโลกในยุคดิจิทัล
“บริษัทฯ มั่นใจว่าการที่ได้ ดร.นรัตถ์ เข้ามาร่วมผลักดันและสร้างการเจริญเติบโตให้กับ SAAM ในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี ที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต สอดรับเมกะเทรนด์ ซึ่ง ดร.นรัตถ์ มีประสบการณ์ในธุรกิจดิจิทัลเทคโนโลยี โทรคมนาคม และการสื่อสาร มาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี ได้รับการยอมรับจากคนในแวดวงอุตสาหกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี ทำให้เพิ่มโอกาสในการได้รับงาน” นายพดด้วง กล่าว
ด้านดร.นรัตถ์ สาระมาน นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) กล่าวว่า ธุรกิจดิจิทัลเทคโนโลยี โทรคมนาคมและการสื่อสาร ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งงานด้าน Digital Transformation, Software as a Service, Cyber Security, Robotics และ AI หรือที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นรากฐานสำคัญเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นกระแสของโลกที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งความร่วมมือกับ SAAM ในครั้งนี้ จะเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้า และรองรับการเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนในอนาคตอันใกล้นี้
