กลุ่มทุนรับเหมาก่อสร้างเมืองภูเก็ต ลุยธุรกิจพัฒนาที่ดิน ตั้งบริษัทโรยัล ซีพีเอช ดีเวลล็อปเม้นท์ ทุนจดทะเบียน จำนวน 154 ล้านบาท เปิดตัวคอนโดฯ แบรนด์แรก เลค อเวนิว ภูเก็ต ย่านเชิงทะเล บนที่ดินกว่า 5 ไร่ อาคารสูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 206 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 141,000 บาทต่อตารางเมตร เตรียมเปิดพรีเซลเดือนสิงหาคมนี้ กางแผนอนาคตเปิดพูลวิลล่าย่านเชิงทะเลเพิ่มอีก 1 โปรเจ็กต์
นางสาวสุกัญญา ตาเกอูจิ ผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท โรยัล ซีพีเอช ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายในจังหวัดภูเก็ต ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็น 154 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นหลัก 5 คนทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่มีประสบการณ์อยู่ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี ทั้งด้านรับเหมาก่อสร้าง ไฟแนนเชียล และอินทีเรีย โดยมีนายฮิว จอห์น บัทเลอร์ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท พร้อมด้วยผู้บริหาร คือ นายธนนนท์ วงศ์สวัสดิ์, นางสาวฬุรยา แสงกระจ่าง, นางสาวณฤดี ศิริมณี และนางสาวสุกัญญา ตาเกอูจิ
โดยได้เริ่มต้นจากการทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่วมกันในนามบริษัท เอเอสแอล เมเนจเม้นท์ คอนแทรคติ้ง จำกัด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 งานส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ และบริษัทอธีนา สยาม จำกัด รับงานด้านรับเหมาก่อสร้าง, สถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษางานก่อสร้างอาคารสูง และงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง ทำให้มองเห็นช่องทางและโอกาสที่จะขยายการลงทุนเข้ามาสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้มีการทยอยซื้อที่ดินเก็บไว้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในย่านเชิงทะเล ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุน และกลุ่มผู้ซื้อคนไทยและต่างชาติ
เดิมบริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรว์ตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ. 2561-2562 แต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงได้ชะลอแผนการลงทุนออกไป และกลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2567 นี้ โดยใช้ชื่อโครงการว่า เลค อเวนิว ภูเก็ต (Lake Avenue Phuket) มูลค่าโครงการ 1,940 ล้านบาท
โดยโครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 5 ไร่ 40 ตารางวา ในซอยเชิงทะเล 3 ห่างจากถนนใหญ่ศรีสุนทรระยะทางไม่เกิน 200 เมตร โอบล้อมไปด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 2 ฝั่ง เป็นอาคารสูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 206 ยูนิต เป็นห้องชุดที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างเริ่มต้นตั้งแต่ 34 ตารางเมตร สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน ส่วนแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีขนาดพื้นที่ 48-61ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 67-70 ตารางเมตร และขนาด 92-142 ตารางเมตร เป็นห้องแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ
นอกจากนี้ยังมีห้องชุดแบบจูเนียร์ เพนท์เฮาส์ ขนาดพื้นที่ 118 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และห้องเพนท์เฮ้าส์ขนาด 174-180 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ตกแต่งแบบ Fully Fitted มีทั้งชุดครัว เครื่องปรับอากาศ ตู้เสื้อผ้า และอุปกรณ์ในห้องน้ำ โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 7
“การออกแบบโครงการได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหมืองแร่ เนื่องจากพื้นที่โดยรอบในย่านนี้อดีตเคยเป็นเหมืองแร่เก่า จึงได้ออกแบบ Facade ให้เป็นสีทองแดง สีเทา และสีดำ สระว่ายน้ำดีไซน์เป็น Layer คล้ายกับเหมืองที่ขุดลึกลงใปในดิน โดยเลือกใช้บริษัทออกแบบ อินทีเรีย และแลนด์สเคปจากกรุงเทพฯ ทำให้โครงการมีความแตกต่างจากโครงการทั่วไปของผู้ประกอบการในท้องถิ่น เช่น บริษัท เมคอะซีน จำกัด (MAKE A SCENE) รับหน้าที่ด้านงานออกแบบ ส่วนงานแลนด์สเคปออกแบบโดยบริษัท แลนด์สเคปเทคโทนิคส์ จำกัด (LANDSCAPE TEXTONIX) และงานตกแต่งภายในโดยบริษัท แกลอเรีย จำกัด (GALLERIA)”
ทั้งนี้ จากการสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในภูเก็ต พบว่าส่วนใหญ่ต้องการห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 8 ล้านบาท รองรับกลุ่มครอบครัวที่ซื้อเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ทำให้ โครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต ได้ออกแบบห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 48 ตารางเมตร ออกมามากที่สุดถึง 54% ราคาขาย 7-8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 141,000 บาทต่อตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 70 ตารางเมตร จำนวน 38 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 10 ล้านบาท ขณะที่ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตารางเมตร มีจำนวนแค่ 11 ยูนิตเท่านั้น เพราะยังมีห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนเหลือขายอยู่ในตลาดภูเก็ตค่อนข้างมาก
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะเป็นคนไทยที่ต้องการซื้อห้องชุดเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศ รวมถึงซื้อเพื่อการลงทุน และกลุ่มคนในท้องถิ่น ส่วนลูกค้าต่างชาติจะเป็นกลุ่มยุโรป รัสเซีย และอเมริกาเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าต่างชาติจองซื้อห้องชุดเต็มโควต้า 49%
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่ เป็นอาคารคลับเฮาส์ 1 ชั้น แบบยกพื้นสูงพร้อมฟิตเนส และ Co-working Space สระว่ายน้ำ 2 โซน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีทั้งสวนธรรมชาติและสวนหิน ที่จอดรถชั้นใต้ดินและพื้นที่ชั้น 1 จำนวน 113 คัน หรือคิดเป็น 50% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด พร้อมจุด EV Charger ร้านอาหาร และพื้นที่ Pet Friendly สำหรับสุนัขและแมวขนาดน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เข้า-ออกโครงการด้วยการระบุตัวตนทั้งสแกนหน้าและคีย์การ์ด
ปัจจุบันโครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต ได้ผ่านการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว และได้ลงมือก่อสร้างในส่วนของการลงเข็มและฐานรากแล้ว โดยมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ และส่งมอบห้องชุดให้กับลูกค้าได้ช่วงปลายปี 2569 ส่วนงานขายจะเริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยอยู่ในขั้นตอนของการก่อสร้าง Sale Gallery ที่ตั้งอยู่เชิงทะเลซอย 1 ขณะที่โครงการตั้งอยู่เชิงทะเลซอย 3
นางสาวสุกัญญากล่าวว่า การแข่งขันของตลาดคอนโดฯ ในเมืองภูเก็ตค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะในรัศมีไม่เกิน 2 กิโลเมตร จากที่ตั้งโครงการ มีโครงการของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์เปิดขายอยู่ 3-4 โครงการ อาทิ โครงการ เดอะไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือแอสเซทไวส์, โครงการโซ ออริจิ้น บางเทา บีช ของกลุ่มออริจิ้นฯ และโครงการเดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทาของกลุ่มแสนสิริ ขณะที่ โครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต มีความได้เปรียบด้านราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง 15-20% และมีพื้นที่ทะเลสาบอยู่ด้านข้างโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแรกของเมืองภูเก็ต รวมถึงกลุ่มผู้บริหารโครงการที่เป็นคนในพื้นที่ภูเก็ตและทำธุรกิจมากว่า 20 ปี ทำให้มีความเข้าใจพื้นที่และความต้องการของกลุ่มคนซื้อในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคต วางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบพูลวิลล่าราคาขายไม่เกิน 16 ล้านบาทในพื้นที่เชิงทะเล ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ในช่วงปี พ.ศ.2569