GMM Music ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก “เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป” และ “เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเตท” ยักษ์ใหญ่ด้าน เทคโนโลยี และ Platform จากประเทศจีน เข้าร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในสัดส่วนหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่าบริษัทรวม 25,700 ล้านบาท ด้วยเงินสดและหุ้นของ JOOX Thailand ต่อยอดความแข็งแกร่งให้กับแผน Spin-Off ส่งเสริมการเติบโตของ New Music Economy ไทย ผ่านการขยายธุรกิจ การกระตุ้นการเติบโต การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับพันธมิตรระดับโลก และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพลงในรูปแบบใหม่ ตอบรับอนาคตของอุตสาหกรรมเพลงที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในยุค Music Second Wave อุตสาหกรรมเพลงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งยอดรายได้ทะลุจุดสูงสุดเดิมไปแล้ว GMM Music ได้วางกลยุทธ์รองรับการเติบโตดังกล่าว ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Music Infrastructure) ให้กับอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่เราให้ความสำคัญ คือการขยายความร่วมมือกับผู้นำธุรกิจเพลงชั้นนำในต่างประเทศที่เล็งเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทย โดยเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ บริษัทแม่อย่างเทนเซ็นต์ และ เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป จะเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในหุ้นของ GMM Music ด้วยสัดส่วนหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่า 2,570 ล้านบาท และจะสร้างมูลค่าบริษัทสูงถึง 25,700 ล้านบาท โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผน Spin-Off ของบริษัทฯ ที่ต้องการสร้าง New Music Economy ของไทยให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน เรามีแผนความร่วมมือที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม โดยประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่มีทั้งศักยภาพและโอกาสที่ใหญ่มาก แน่นอนว่า การเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้คือ “สะพานขนาดใหญ่” ของอุตสาหกรรมเพลง ที่จะทำการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนสร้างชื่อเสียงในระดับสากลและนำมาซึ่งความเจริญเติบโตทั้งในด้านผลประกอบการ และสร้างเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น ไปจนถึงยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยในภาพรวม”
นายฟ้าใหม่ ดํารงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ Tencent และ TME จะเข้ามาช่วยเร่งอัตราการเติบโตของ GMM Music อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้พร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจในยุคใหม่ รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ สู่การเป็น The Next Asia’s Dragon ในตลาดโลก เราต้องการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (Upscale Opportunity) ด้านการขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัล ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ ตลอดจนการต่อยอดธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลก ด้วยการนำพาศิลปินของ GMM Music เข้าสู่ตลาดเอเชีย และ ตลาดนานาชาติ โดยอาศัยธุรกิจบันเทิงของทั้ง Tencent และ TME ที่มีความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ทั่วโลก อีกทั้งเราจะร่วมกันยกระดับคุณภาพเพลงไทยในด้านการผลิต (Uplift Quality) ด้วยการร่วมศึกษาโอกาสการลงทุน ในการสร้างผลงานเพลงและพัฒนาศิลปิน รวมไปถึงการจัดงานคอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัลร่วมกัน เพื่อผลักดันศักยภาพธุรกิจเพลงไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และที่สำคัญเรายังตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าบริษัทฯ (Unlock Value) ด้วยการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและองค์ความรู้เชิงลึก ทั้งในด้านการตลาดและการขาย รวมไปถึงเทคโนโลยีการบริหารจัดการลูกค้า และ การพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต และสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมร่วมกันผลักดันแผนการ IPO ของบริษัทให้ประสบผลสำเร็จ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ GMM Music ที่จะสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนสู่อนาคต อย่างแท้จริง”
นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงในการร่วมลงทุนใน JOOX Thailand โดย GMM Grammy เพื่อต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีและสนับสนุนตลาดเพลงไทยให้เติบโตสอดคล้องกับตลาดเพลงโลกผ่าน Streaming Platform ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนอันสำคัญ โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะผสานจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีจากความเชี่ยวชาญของ Tencent และ TME ที่จะมาพัฒนา Platform ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ฟังยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ร่วมกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหาร Content แบบครบวงจร จากความเชี่ยวชาญของ GMM Music ตลอดจนการทำงานกับค่ายเพลงพันธมิตรทุกค่ายอย่างไร้ข้อจำกัด ความร่วมมือดังกล่าวยังจะสร้างโอกาสการหารายได้ใหม่ จากวงจรแฟนเพลง (Fandom Economy) ด้วยการสร้างกิจกรรมและช่องทางการมีส่วนร่วมกับ ศิลปิน แฟนด้อม ทั้งไทย จีน และต่างชาติเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ GMM Music ในการเดินหน้าสู่แผนการเสนอขาย IPO ในอนาคตอันใกล้