วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 23:01น.

ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ เอาใจสายแอนิเมชัน เปิดยูนิตใหม่ “เมะ” (ME’)

20 พฤษภาคม 2024

 

        บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด ผู้วางแผนการตลาดและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ ขยายพอร์ตโฟลิโอด้วยการเปิดยูนิตใหม่ “เมะ” (ME’)  ชิงเค้กตลาดแอนิเมชัน 30% ด้วยกลยุทธ์และจำนวนคอนเทนต์ที่มากขึ้น ด้วยการจับมือพาร์ทเนอร์ระดับโลก คัดสรรแอนิเมชันเรื่องดัง พร้อมจ่อคิวเข้าโรงฉายตลอดทั้งปี หวังขยายฐานคนดูให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งเป้าบริษัทฯ เติบโตขึ้น 2 เท่าจากปีก่อนหน้า

        นายชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ เป็นบริษัทที่ทำการตลาดและจัดจำหน่ายให้กับภาพยนตร์ไทยจากค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์มเป็นหลัก โดยในปี 2566 มีภาพยนตร์ 4Kings 2 ที่ติดอันดับที่ 3 ด้วยรายได้ 240 ล้านบาท ทั่วประเทศ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์นำภาพยนตร์ที่เป็นกระแสเข้ามาฉายในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับ Night Edge Pictures นำ TALK TO ME จับ มือ ผี ภาพยนตร์สยองขวัญอินดี้ จาก A24 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จมาก การร่วมกับ ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) ใน Guy Ritchie’s The Covenant , Silent Night ยิงแมร่งให้เหี้ยน และล่าสุดการร่วมมือกับค่าย โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ประเทศไทย) ด้วยภาพยนตร์เรื่อง EXHUMA ขุดมันขึ้นมาจากหลุม ที่กวาดรายได้ไปถึง 52 ล้านบาท (เฉพาะกรุงเทพฯ และเชียงใหม่) จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา เรานำเสนอภาพยนตร์ที่มีความหลากหลายให้คนไทยได้ดูเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีภาพยนตร์ในกลุ่มแอนิเมชันที่เราเริ่มให้ความสนใจ มีการคุยกับพารท์เนอร์ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ พบว่า ตลาดแอนิเมชันมีความคึกคักมากและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี

        จากการสำรวจตลาด 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2020-2023) พบว่าภาพยนตร์แอนิเมชันที่เข้าโรงฉายในประเทศไทยมีตลาดรวมมากกว่า 150 ล้านบาท เราจึงมองเห็นโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมแอนิเมชัน บวกกับประสบการณ์การทำตลาดหนังแอนิเมชันมาก่อน จึงเป็นโอกาสดีในการขยายพอร์ตให้กับบริษัท โดยการเปิดยูนิตใหม่ “เมะ”  (ME’) เพื่อจัดจำหน่ายและทำการตลาดให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันโดยเฉพาะ ด้วย strategy และจำนวนคอนเทนต์ที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง Medialink Entertainment Limited รวมถึงการจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ มี license ของแอนิเมชันเรื่องนั้นๆ อีกด้วย โดยปีนี้วางแผนนำเข้าแอนิเมชันทั้งหมด 5 เรื่อง ภายใต้งบประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 74,000,000 ล้านบาท”

        สำหรับไลน์อัพภาพยนตร์ที่เตรียมเข้าฉายในปีนี้ ได้แก่

  • Haikyu!! The Dumpster Battle ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน ตอน: ศึกที่กองขยะ ผลงานมังงะแนวกีฬาวอลเลย์บอลของอาจารย์ Furudate Haruichi ที่มีการตีพิมพ์ในนิตยสาร Shonen Jump ตั้งแต่ปี 2012 มีแฟนคลับติดตามมากมาย จนนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน เป็นภาพยนตร์ที่ได้ร่วมกับ Medialink Entertainment Limited ถือเป็นพาร์ทเนอร์ใหญ่ในเอเชีย เข้าฉาย 30 พฤษภาคม นี้
  • Ya Boy Kongming! ร่วมกับ com LLC อีกหนึ่งมังงะแนวคอเมดี้ไอดอลยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ น่าจะเป็นแอนิเมชันที่ไทยมีเกือบทุกแพลตฟอร์ม ทั้งหนังสือ ซีรีส์ สำหรับเวอร์ชันภาพยนตร์น่าจะตอบโจทย์กับแฟนคลับได้ เข้าฉาย 6 มิถุนายน
  • Given: Hiiragi Mix ร่วมกับ Neofilms เรื่องราวความสัมพันธ์ ความรัก ความโรแมนติก ความเศร้า ของ 4 หนุ่ม กับวงดนตรีนาม GIVEN ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แนว BL และได้รับความนิยมอย่างมาก เข้าฉาย 1 สิงหาคม
  • Totto-Chan: The Little Girl at the Window ภาพยนตร์ที่ได้ร่วมมือกับ TOHO นวนิยายที่ถูกตีพิมพ์มากสุดในประเทศญี่ปุ่น และยังถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมายทั่วโลก ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่จะสร้างความประทับใจและเรียกน้ำตา รับชมได้ทุกเพศ ทุกวัย เข้าฉาย 29 สิงหาคม
  • Ghost Cat Anzu ภาพยนตร์ที่ได้ร่วมมือกับ Shin-ei Animation และบริษัทฝรั่งเศส CHARADES เป็นแอนิเมชันที่เพิ่งเข้าสายประกวด Directors Fortnight ที่เทศกาล Cannes Film Festival ครั้งที่ 77 ประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

        “อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ ทำกำไรได้เกือบ 20 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโต  2 เท่า ด้วยจำนวนคอนเทนต์ที่มีในมือ ทั้งภาพยนตร์แอนิเมชัน ที่ทาง “เมะ” (ME’) จะทำการคัดสรรแอนิเมชันคุณภาพเข้ามา รวมไปถึงภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ต่างประเทศ รวมทั้งภาพยนตร์ไทยจากพาร์ทเนอร์ ที่ปีนี้จะเคลื่อนทัพด้วยจำนวนคอนเทนต์ที่มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว และจำนวนพาร์ทเนอร์ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้แฟนชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์ภาพยนตร์ที่สนุกๆ มากขึ้น รวมถึงร่วมมือกันจัดอีเวนต์สำคัญกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ สร้างความตื่นเต้นให้กับ Genre อนิเมะ และแฟนที่ชอบ Entertainment lifestyle อื่นๆ เพื่อพัฒนา สร้างความแตกต่างและสร้างความหลากหลายใน Entertainment Content เพื่อให้วงการภาพยนตร์เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายชัยวัฒน์ กล่าวปิดท้าย

 

 

 


คลิปวิดีโอ