วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 19:13น.

ไทยประกันชีวิต โชว์กำไรไตรมาสแรกทะลุ 3 พันล้าน

15 พฤษภาคม 2024

         ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 กำไรสุทธิยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 3,132 ล้านบาท มีมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ 1,836 ล้านบาท เติบโต 7.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่เติบโตทุกช่องทางการขาย ด้านอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้น 6.1 จุด มีอัตราถึง 62.3% ผลจากการดำเนินการกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่การพัฒนาประสิทธิภาพของช่องทางการขาย

         นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business : VONB) อยู่ที่ 1,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 7.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.1 จุด โดยมีอัตราถึง 62.3% ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

         มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เติบโตทุกช่องทางการขาย ซึ่งบริษัทฯ มุ่งเน้นกลยุทธ์การขายผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Multi Distribution Channel) โดยช่องทางตัวแทนประกันชีวิตมีอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ที่สูงขึ้นถึงระดับ 65.7% เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการขายที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) มากขึ้น ผ่านการใช้เครื่องมือในการทำงานที่ทันสมัย คือ แอปพลิเคชัน MDA 4 PLUS และมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดผลกำไรอย่างยั่งยืน ขณะที่ช่องทางพันธมิตรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

         ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าสูงในระยะยาว และมีผลกระทบน้อยต่ออัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน ซึ่งกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์นี้จะผลักดันให้บริษัทฯ มีกำไรอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ

นายไชยกล่าวว่า ด้านเบี้ยประกันภัยรับ บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (Annual Premium Equivalent : APE) จำนวน 2,945 ล้านบาท และมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 21,360 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 12.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

         โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2567 สูงถึง 3,132 ล้านบาท โดยกำไรส่วนใหญ่ยังคงมาจากกำไรจากการรับประกันภัยเป็นจำนวน 1,720 ล้านบาท ในส่วนกำไรจากการลงทุนนั้น ถึงแม้สภาวะตลาดในประเทศยังคงชะลอตัว บริษัทฯ ยังคงสามารถทำกำไรจากการลงทุน จากพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดเป็นรูปแบบหนี้สินที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับกลุ่มน่าลงทุน

        สำหรับอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR Ratio ของบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ 391% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ.กำหนดอยู่ที่ 140% ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งอันเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิตช์ เรตติ้งส์ (Fitch Ratings) โดยมีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Rating: IFS Rating) ที่ A- และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating) ที่ AAA(tha) โดยมีมุมมองที่มีเสถียรภาพ

          “ไทยประกันชีวิตกำหนดวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้เสีย” ดังนั้น จึงมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG (Environmental/Social/ Governance) ซึ่งสะท้อนได้จากหลากหลายกิจกรรมและโครงการที่ผนวก ESG เข้ากับการดำเนินธุรกิจ อาทิ การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับ ESG โดยเฉพาะการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม การเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน (ESG Bonds)”

        “นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลที่สะท้อนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน อาทิ รางวัล Sustainable Insurance Initiative of the Year–Thailand Awards 2023 จากนิตยสาร Insurance Asia ประเทศสิงคโปร์ รางวัล Most Innovative ESG Insurance Provider–Thailand 2024 จากการประกวด International Finance Awards 2024 ประเทศอังกฤษ รางวัล Leading Investor for Corporate ESG Bond ประจำปี 2566 จากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เป็นต้น” นายไชยกล่าว


คลิปวิดีโอ