BAM ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน หวังลดภาระทางการเงินของลูกหนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ย้ำเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ทุกรายเข้ามาเจรจาประนอมหนี้หาข้อยุติร่วมกันด้วยมาตรการช่วยเหลือที่ผ่อนปรน
นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า ในฐานะที่ BAM เป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทำหน้าที่เสมือนแก้มลิงที่ช่วยรองรับหนี้เสียในระบบการเงิน เพื่อนำมาบริหารจัดการและแก้ไขให้กลายเป็นหนี้ดีกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.–30 พ.ย. 2567 สำหรับลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้และยังมีการผ่อนชำระกับ BAM อยู่ โดยลูกหนี้ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่ BAM กำหนด จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของ BAMโดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดภาระดอกเบี้ย และสนับสนุนการฟื้นตัวของลูกหนี้ ในช่วงที่กลไกตลาดกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่จุดสมดุลในระยะข้างหน้า ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และสอดคล้องกับแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดย BAM ตระหนักถึงความสำคัญในการสนับสนุนช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้ทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของ BAM ยังมีโครงการอื่นๆ ที่ได้ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ อาทิ โครงการสุขใจ ได้บ้านคืน ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่มีหลักประกันเป็นที่อยู่อาศัยมีภาระหนี้เงินต้นไม่เกิน 25 ล้านบาท ชำระหนี้เพียง 80% ของราคาประเมิน คิดดอกเบี้ย 0 % นาน 25 เดือน ผ่อนชำระไม่เกิน 25 ปี, โครงการ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ สำหรับลูกหนี้กลุ่ม Start-up และ SME ที่มีภาระหนี้เงินต้นต่อรายไม่เกิน 25 ล้านบาทให้ชำระหนี้เพียง 80% ของราคาประเมิน คิดดอกเบี้ย 0 % นาน 25 เดือน ผ่อนชำระไม่เกิน 25 ปี, โครงการ BAM ช่วยลดเพื่อปลดหนี้ ที่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกันมีภาระหนี้เงินต้นไม่เกิน 3 ล้านบาท สามารถเลือกชำระหนี้ครั้งเดียวให้เสร็จสิ้น ภายใน 90 วัน หรือผ่อนชำระภายใน 3 ปีภายใต้เงื่อนไขที่ยืดหยุ่น และโครงการ BAM ช่วยลดเพื่อปลดหนี้เกษตรกร เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการประนอมหนี้กับกลุ่มลูกหนี้เกษตรกร ให้มาชำระหนี้ตามกำลังความสามารถและด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน ซึ่งการดำเนินโครงการต่างๆ ดังกล่าว ก็เพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้และยังช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
นายบัณฑิตฯ กล่าวในตอนท้ายว่า BAM เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ทุกรายเข้ามาเจรจาประนอมหนี้เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน โดย BAM เจรจาบนพื้นฐานการพิจารณาถึงความสามารถที่แท้จริงและกำลังการผ่อนชำระของลูกหนี้ ดังนั้นในกรณีลูกหนี้รายใหม่ที่ได้รับจดหมายเชิญให้มาประนอมหนี้กับ BAM (Hello Letter) ให้รีบตัดสินใจติดต่อเจ้าหน้าที่ BAM ทันที ซึ่ง BAM ให้ความเชื่อมั่นว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้ให้หาทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ไขหนี้ต่อไป