ปรีดา กรุ๊ป จับมือ C2E ติดตั้ง EV Charger ที่โครงการ GRENE PRIME ดอนเมือง–สรงประภา บุกเบิกการติดตั้ง DC Fast Charger กำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ 2 หัวชาร์จ ชาร์จเร็วสุด 20–30 นาที และ AC 2 หัวชาร์จ สร้างเทรนด์ใหม่ สู่การใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดแต่ไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม
นางสาวปิยะฉัตร ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด เปิดเผยว่า ปรีดา กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับบริษัท ชาร์จ ทู เอิร์น (C2E) ในการติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับที่อยู่อาศัยของปรีดา กรุ๊ป โดยล่าสุดได้ลงมือติดตั้งแล้วที่โครงการกรีเน่ ไพร์ม (Grene Prime) ดอนเมือง – สรงประภา จำนวน 4 หัวชาร์จ ประกอบด้วยหัวชาร์จกระแสสลับ (AC) 2 หัวชาร์จและหัวชาร์จกระแสตรง (DC) อีก 2 หัวชาร์จ ซึ่งเป็นหัวชาร์จแบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) ใช้เวลาในการชาร์จเร็วสุด 20-30 นาที ขึ้นกับประเภทของรถยนต์ ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการบุกเบิกตลาดที่อยู่อาศัยรายแรกๆที่ติดตั้งหัวชาร์จแบบ Fast Charge ตามที่อยู่อาศัย แตกต่างจากส่วนใหญ่จะติดตั้งแบบ AC เนื่องจากทางปรีดา กรุ๊ป มองว่าการมีหัวชาร์จแบบ Fast Charge ไว้บริการควบคู่กับ AC จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ครบถ้วนกว่า
GRENE PRIME ดอนเมือง–สรงประภา เป็นคอนโดมินเนียม Low Rise เฟสที่ 3 ของ GRENE ดอนเมือง–สรงประภา ซึ่งหากรวมโครงการทั้ง 3 เฟส มีที่อยู่อาศัย 1,456 ยูนิต บนพื้นที่ 17.5 ไร่ จึงเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดและให้มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในย่านดอนเมือง – สรงประภา ซึ่งทั้ง 3 เฟส ออกแบบภายใต้แนวคิด Vacation condo ที่แต่ละเฟสจะมี Concept ที่แตกต่างกันไป สำหรับเฟส 3 GRENE PRIME ซึ่งเป็นเฟสใหม่นำเสนอภายใต้แนวคิด The Santorini ที่ออกแบบโดยเน้นสีขาว-ฟ้า สวยงาม พร้อมส่วนกลางที่หลากหลาย รวมกันเกือบ 3 ไร่ เป็นเฟสที่อยู่หน้าสุดของโครงการ มีพื้นที่ส่วนกลางที่ครบที่สุด สิ่งอำนวยความสะดวกพรีเมี่ยมกว่าโครงการอื่นๆ มีพื้นที่สำหรับร้านค้าพาณิชย์เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้ลงตัวขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้าเยี่ยมชมและเริ่มทำการโอนแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันทั้ง 3 เฟส ทำการโอนแล้ว 75% จากทั้งหมด 1,456 ยูนิต ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าลูกค้าที่ทำการโอนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ทำงานเกี่ยวกับสายการบิน เนื่องจากทำเลอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง รวมถึงกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในย่านดังกล่าวที่มีหน่วยงานราชการที่สำคัญหลากหลาย เช่น กองทัพอากาศ เป็นต้น ดังนั้นการร่วมกับ C2E ในการติดตั้ง EV Charger จึงเป็นการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
นายปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่าสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินหน้าสู่แผนระยะยาวของ ปรีดา กรุ๊ป ที่ได้วางโรดแมปในการเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 12 ปี สำหรับที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์กรีเน่ การสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการเข้าถึงการใช้รถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดนั้นเป็นหนึ่งในโรดแมปของบริษัท ที่จะขยายการติดตั้งไปสู่โครงการใหม่ๆทุกโครงการ เช่น “โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์” (Solace Phahol Pradipat ) เป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่จาก ปรีดา กรุ๊ป และ ปรีดา เรียล เอสเตส ในรูปแบบของอาคาร Mixed Use สูง 50 ชั้น มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท รองรับตลาดกลุ่ม Luxury เป็นต้นแบบโครงการ Mixed Use แห่งแรกของปรีดา กรุ๊ป ที่ ผสมผสานการใช้งานระหว่างคอนโดมิเนียมที่พักอาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่สำนักงานไว้ในแห่งเดียวกัน ดังนั้นโครงการโซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์ จะเป็นอีกโครงการที่จะทำการออกแบบการตั้งตั้ง EV Charger ให้สามารถตอบสนองให้ผู้พักอาศัยในโครงการและผู้ที่มาใช้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์
นายสิตะ บูรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ ทู เอิร์น (C2E) กล่าวว่า C2E เป็นผู้ให้บริการ EV Charger สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น โดยมีจุดแข็งคือ หัวชาร์จ ของ C2E ทุกหัวชาร์จ เป็นของหัวเหว่ยซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการเชื่อถือจากทั่วโลกในด้านมาตรฐานและความปลอดภัยรวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย การร่วมมือกับ ปรีดา กรุ๊ป ในครั้งนี้ ถือเป็นการเจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรกของ C2E และมองว่าการติดตั้ง EV Charger ตามที่อยู่อาศัยถือว่าสอดรับกับพฤติกรรมผู้ใช้รถอย่างมาก เนื่องจากผู้ชาร์จสามารถชาร์จรถทิ้งไว้ได้ทั้งคืนสำหรับหัวชาร์จ AC และสามารถชาร์จภายในเวลาเร็วสุดที่ 20–30 นาที สำหรับกรณีเร่งด่วน ที่หัวชาร์จ DC ที่มีกำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ ผ่านการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนด้วยแอปพลิเคชั่น ที่สามารถแจ้งข้อมูลเพื่อสแกนหาหัวชาร์จในบริการใกล้เคียง และข้อมูลการชาร์จขณะทำการชาร์จแบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถจ่ายค่าบริการผ่านแอปพลิเคชั่นได้อย่างสะดวก และโดดเด่นที่ค่าบริการที่ต่ำกว่าผู้ให้บริการหลายๆค่าย โดยคิดค่าชาร์จสำหรับ AC ที่ 6.50 บาท และ DC ที่ 7.50 บาท
ทั้งนี้นอกจากจะเป็นผู้ให้บริการ EV Charger แล้ว C2E ยังรับให้คำปรึกษา และจัดหา พร้อมทั้งติดตั้งสถานีชาร์จให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจ EV Charger แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเข้าไปสำรวจสถานที่ไปจนถึงกระบวนการติดตั้งหัวชาร์จ ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาขอคำปรึกษาเป็นจำนวนมาก จึงมองว่าปัจจุบันสังคมไทยรับรู้และตื่นตัวในการเข้าถึงการใช้ EV อย่างแพร่หลาย ซึ่งมองว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะช่วยให้ประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2065 ได้จริง