เจ้าสัว สู้ศึกตลาดขนมขบเคี้ยวมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่งแคมเปญล่าสุด “Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” ชวนพิสูจน์ความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัวที่จะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า “รู้งี้กินนานแล้ว” ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ด้วยกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา
คุณณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของเจ้าสัวมากว่า 65 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่นำสูตรลับความอร่อยตำรับเจ้าสัวสู่คุณ เราจึงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ที่อร่อยมีคุณภาพด้วยสูตรลับตำรับเจ้าสัว พร้อมประโยชน์ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ผ่านกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถันอร่อย ตลอดจนถึงการยกระดับบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้ทันสมัย พกพาง่าย รับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา (Everyday Consumption) ทั้งยังปรับภาพลักษณ์ให้เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตลอดจนพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ ๆ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยคาดหวังมองการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% ทุกปี”
โดยผลิตภัณฑ์ของ “เจ้าสัว” ได้รับความนิยมและครองใจผู้บริโภคมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ข้าวตัง’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของเจ้าสัว จากข้อมูลรายงานภาวะอุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan ในปี 2565 เจ้าสัวเป็นผู้นำในตลาดข้าวตังอย่างทิ้งห่าง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของเป็นอันดับ 1 ที่ 78.5% รวมถึงยังผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (Pork Snack) ประเภทหมูแท่งอยู่ที่ 57.2%
จากมูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยว 4 หมื่นล้านบาท ข้าวตังเจ้าสัวครองตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทข้าวตังมูลค่าถึง 1 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าเติบโตในภาพรวมปีนี้กว่า15% ทั้งยังมีแผนขยายโรงงานทุ่มงบกว่า 300 ล้าน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับส่งออก ซึ่งมีโรงงานที่ผลิตสินค้าสำหรับฮาลาลโดยเฉพาะอีกด้วย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่ทานเนื้อหมู
ปัจจุบันเจ้าสัวมีตลาดส่งออกถึง 12 ประเทศ โดยตลาดที่ใหญ่สุด 3 อันดับแรก คือ จีน อเมริกา และฮ่องกง ซึ่งตอกย้ำจุดแข็งของเจ้าสัวในการเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่(Modern Thai Snack) ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ โดยรสชาติที่ขายดีที่สุดคือ ข้าวตังหน้าหมูหยองรสดั้งเดิม ข้าวตังหน้าหมูหยองพริกเผา ข้าวตังหน้ากุ้ง และข้าวตังหน้าสาหร่าย
จากที่เจ้าสัวได้ทำ Brand Transformation ในปี 2564 ทำให้แบรนด์เจ้าสัวเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสูงมากขึ้น จนเกิดการรับรู้ในฐานะผู้เล่นในตลาดกลุ่มขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ และเพื่อสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง บริษัทฯ ได้ทำการสื่อสารการตลาดเชิงพลวัต ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการสื่อสารการตลาดผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) ซึ่งได้ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข มาเป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุดเพื่อสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยังทำการตลาดในต่างประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เพื่อสร้างการรับรู้ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นสุดยอด “แบรนด์ขนมขบเคี้ยว” ที่สามารถรับประทานได้ทุกวันรองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
“ดังนั้น เราจึงต่อยอดอินไซด์นี้ ด้วยการออกแคมเปญใหม่ของข้าวตังเจ้าสัว ที่มีชื่อว่า “Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” โดยชวนให้คนรุ่นใหม่ได้ชิมความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัว เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ว่าเป็นของว่างรองท้องเติมพลังดีๆ และมีประโยชน์ทางโภชนาการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ มองหาสแน็คใหม่ ๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีศักยภาพสูง และยังมีช่องว่างในการเติบโตในกลุ่มตลาดของขนมขบเคี้ยวได้อีก”
สำหรับ “แคมเปญ Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” เป็นการเปิดประสบการณ์ในการรับรู้เกี่ยวกับข้าวตังเจ้าสัวในมิติใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทุบกำแพง คำถามที่อยู่ในกระแสสื่อ Out of home และ Social เกี่ยวกับข้าวตัง, กิจกรรมถ่ายภาพ Photo Booth แชะ ชิม แชร์ บอกต่อความอร่อยผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงการถ่ายภาพมันส์ๆ สนุก Act Cracker กับความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัว พร้อมรับสินค้าตัวอย่างและรางวัลพิเศษจากเจ้าสัวอีกกว่า 3 แสนชิ้น โดยทุกกิจกรรมล้วนเป็นการการันตีความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัวที่มั่นใจว่าใครได้ลองต่างต้องชื่นชอบ อีกทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่ในการเลือกรับประทานขนมขบเคี้ยวที่อร่อยง่าย ได้โปรตีน แบบไม่ต้องรู้สึกผิด
“แคมเปญนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกกับการพลิกความเชื่อใหม่ให้กับข้าวตังของเจ้าสัว ซึ่งเรามั่นใจว่าแคมเปญนี้จะช่วยเปลี่ยนการรับรู้ของผู้บริโภค และขยายกลุ่มเป้าหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่มเจน Z พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ และช่วยกระตุ้นยอดขายของไตรมาสนี้ได้อย่างแน่นอน” คุณณภัทร กล่าวทิ้งท้าย