วันอาทิตย์ ที่ 22 กันยายน 2567 03:20น.

มองอดีต ส่องอนาคต 90 ปีของนิสสัน แบรนด์รถยนต์ในใจคนรักรถทั่วโลก

13 กุมภาพันธ์ 2024

         นิสสัน รถยนต์แบรนด์จากญี่ปุ่นในดวงใจหลายคนเพิ่งฉลองครบ 90 ปีเต็มของการก่อตั้งไปหมาดๆ เมื่อปลายเดือนธันวาคมนี้เอง  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นิสสันมักมีสิ่งใหม่ๆ ที่คนคาดไม่ถึงมานำเสนออยู่เสมอ  มาดูเส้นทางการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกว่าตลอด 9 ทศวรรษที่ผ่านมานิสสันทำอะไร และมีอะไรบ้างที่นิสสัน กล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ “dare to do what others don’t”

        นิสสัน มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1933 ที่เมืองโยโกฮามา เพื่อผลิตรถยนต์ขึ้นเองในประเทศญี่ปุ่น เป็นรถยนต์ที่ผลิตจำนวนมากหรือ mass production  ราคาพอสมควร สามารถแข่งขันกับแบรนด์รถยนต์จากต่างประเทศได้ ให้คนมีโอกาสได้ใช้รถกันอย่างสะดวก หลังจากก่อตั้งแล้วไม่นาน นิสสัน มอเตอร์ ก็เริ่มส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อเมริกา และภูมิภาคต่างๆ ก่อนจะขยายธุรกิจไปทั่วโลก มีโรงงานผลิตในหลายๆ ภูมิภาค  โดยในปัจจุบัน นิสสันมีโรงงานผลิตในประเทศไทยซึ่งผลิตทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์กระบะหนึ่งตันเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงยังเป็นฐานการประกอบแบตเตอรี และชุดขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ อี-พาวเวอร์ เพื่อส่งออกไปทั่วภูมิภาคอาเซียน และหลายประเทศทั่วโลก

        นิสสัน มอเตอร์ ยังได้ร่วมมือทางเทคนิค และเข้าซื้อกิจการบริษัทอื่นๆ เช่น การร่วมมือด้านเทคนิคกับออสติน มอเตอร์ ของอังกฤษ การเข้าซื้อกิจการ ปริ๊นซ์ มอเตอร์ เป็นต้น ทำให้รถยนต์ของนิสสันมีความหลากหลาย มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อผนวกกับความสามารถของทีมวิศวกรชั้นนำของนิสสัน ทำให้ตลอด 90 ปีที่ผ่านมา นิสสันได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นครั้งแรกของโลกมากมาย เช่น รถมินิแวนรุ่นแรกของโลก (Prairie Model M10) การใช้หุ่นยนต์แบบหลายแขน (multi-arm robot) เพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการผลิต การพัฒนารถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ใช้ระบบกันสะเทือนแบบมัลติลิ้งค์ เทคโนโลยี Bird Eye View Navigation การพัฒนารถรุ่น Bluebird Sylphy ที่ผลิตไอเสียต่ำ หรือ super ultra-low emission vehicle ซึ่งปล่อยไอเสียน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดได้ถึง 75%  และรุ่นที่คนขับรถหลายคนทั่วโลกพอจะคุ้นหน้ากันคือ นิสสัน ลีฟ (LEAF) รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ผลิตและขายในเชิงพาณิชย์

Nissan LEAF (นิสสัน ลีฟ)

        ผลงานที่สะท้อนความ Dare to do what others don’t มากที่สุดของนิสสัน จะมีทั้งสองขั้ว คือ ฝั่งสมรรถนะ กับฝั่งที่เป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกเพื่อความยั่งยืน

นิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ ปี 1969) Nissan Z (นิสสัน แซท)

        ในกลุ่มรถสมรรถนะสูง แน่นอนว่าชื่อของ สกายไลน์, จีที-อาร์, และ แซท (Z) ที่ล้วนแต่เป็นรถในฝันของนักเลงรถ เพราะไม่เป็นสองรองใครในเรื่องของวิศวกรรม การออกแบบ และประวัติในฐานะแชมป์สนามแข่งระดับตำนาน และสุดยอดความภูมิใจของนิสสัน อาทิ นิสสัน จีที-อาร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพในสนามแข่ง และเป็นครั้งแรกที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเอาชนะค่ายรถยนต์ที่เคยครองแชมป์สนามแข่งมาหลายปีในหลายๆ สนามได้อย่างราบคาบในยุค 1960s และมีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ รุ่นล่าสุดคือ GT-R R35 และแม้กระทั่งในงาน Japan Mobility Show หรือโตเกียวมอเตอร์โชว์โฉมใหม่ซึ่งจัดไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หนึ่งในคอนเซ็ปต์คาร์ของนิสสันก็ยังรวมถึงรถสมรรถนะสูงอย่าง ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ซึ่งเปรียบเสมือนตัวตายตัวแทนของ จีที-อาร์ R35 อีกด้วย

Nissan TAMA

        ในอีกขั้วหนึ่ง คือ รถยนต์พลังงานทางเลือกที่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในปัจจุบัน ซึ่งเรากำลังเผชิญผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และความต้องการของการใช้พลังงานสะอาดอย่างยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งที่จริงแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับนิสสัน เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอยู่คู่ประวัติศาสตร์นิสสันมาเกือบ 80 ปีแล้ว นั่นก็คือ รถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ชื่อ TAMA ที่ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1947 หลังสงครามโลกจบลงใหม่ๆ ญี่ปุ่นขาดแคลนน้ำมัน อาหาร และทรัพยากรต่างๆ แต่มีพลังงานไฟฟ้ามาก เพราะแทบจะไม่มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหรือการผลิตเลย จึงเกิดไอเดียที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขึ้น TAMA วิ่งได้ไกลถึง 96 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น


คลิปวิดีโอ