“เราอย่าประมาทในการใช้ชีวิตในทุกๆวัน” แนวคิดจากนักธุรกิจชื่อดัง “ชาร์คหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล” เจ้าพ่อเพชรแห่งอาณาจักร “บิวตี้ เจมส์” (Beauty Gems) ที่วันนี้พร้อมเปิดคัมภีร์ เคล็ดลับ มุมมอง ในการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาตลอดกว่า 30 ปี ก่อนส่งไม้ต่อให้กับรุ่นต่อไป
เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่รวยระดับประเทศ และน่าจับตามอง สำหรับ “ชาร์คหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง “บิวตี้ เจมส์” ลูกชายของ ดร.พรสิทธิ์ และ ดร.สุณี ศรีอรทัยกุล ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการอัญมณี สร้างสรรค์ผลงานเพชรอันล้ำค่า ฝีมืออันปราณีตจากคนไทย ให้กลายเป็นที่รู้จักและยอมรับในแวดวงสังคม ไฮโซ จนโด่งดังไปทั่วโลก
และหลังจากที่ “ชาร์คหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล” ตัดสินใจนั่งแท่นชิมลางเป็น 1 ใน “ชาร์คนักล่า” เป็นครั้งแรก ให้กับรายการ “Shark Tank Thailand ซีซั่น4” ผลงานการผลิตจาก บริษัท มีเดีย แท็งค์ จํากัด รายการเรียลลิตี้ธุรกิจฟอร์แมตใหญ่ระดับโลกลิขสิทธิ์จาก Sony Picture Entertainment ที่สร้างความสำเร็จไปแล้วใน 40 ประเทศทั่วโลก อาทิ อเมริกา อินเดีย อังกฤษ แคนาดา จน “ชาร์คหนึ่ง” ก็ได้รับกระแสฟิตแบคตอบรับที่ดีจากคนดู นักธุรกิจ ที่พูดถึงไปในวงกว้าง และอยากประสบความสำเร็จเดินตามรอยในเส้นทางสายธุรกิจเหมือนกับ “ชาร์คหนึ่ง”
ส่งผลทำให้ล่าสุด “ชาร์คหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล” ตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจคส์ “Shark Academy” เตรียมเปิดคัมภีร์ ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวงการอัญมณี วงการเพชร ความลับในเชิงการทำธุรกิจ การทำการตลาด ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน โดย “ชาร์คหนึ่ง” ได้เปิดใจถึงโปรเจคส์ในครั้งนี้ว่า
“โปรเจคส์ “Shark Academy” เป็นการร่วมมือกันระหว่างประสบการณ์ของผม และในส่วนของชาร์ค ในรายการ Shark Tank Thailand เป็นการเล่าประสบการณ์โดยตรง การทำธุรกิจ การทำการตลาด ที่สำคัญเป็นการเล่าเรื่องถึง โนว์ฮาว (Know how) ในการรักษาลูกค้า และการรักใจลูกค้า
ถ้าใครได้ฟังคอร์สของผม บอกเลยว่าผมนำประสบการณ์จาก 30 ปี ในเส้นทางการเป็นนักธุรกิจ มาถ่ายทอด สื่อสารให้เห็นในหลากหลายมิติ อย่างที่ 1 จะได้รับแรงบันดาลใจ, อย่างที่ 2 จะสามารถล้มและลุกต่อได้ จะได้เรียนรู้ที่จะล้มเป็น และอย่างที่ 3 คือจะให้อภัยตัวเอง การที่อยู่ในสังเวียนธุรกิจแล้วจะไม่ล้มเลย นั่นคือไม่ต้องมาทำธุรกิจ
ตลอดระยะเวลา 30 ปี สำหรับการทำธุรกิจ ผมถูกสอนว่า business คือ busy เท่ากับ “ยุ่ง” ส่วน ness คือ “มหา มหายุ่งไปหมด (หัวเราะ)” แต่ Reward หรือว่าผลที่ทุกคนต้องมีในใจ เวลาที่คุณเห็นลูกค้า คุณมีความสุข ซึ่งมันมีผลพลอยได้เยอะ และในเรื่องของบริษัท พนักงานหลายพัน หลายหมื่นชีวิต เราก็สามารถที่จะทำให้เกิดระบบหมุนเวียน แล้วพอมันเป็นระบบหมุนเวียนหลักใหญ่ อย่าง อัญมณี มันก็กลายเป็นแรงงาน ซึ่งนำรายได้ให้กับประเทศไทย เป็นอันดับที่ 3 เลย ก็คือยอดเข้าประเทศ เกือบ 500,000 ถึง 600,000 ล้านบาท และก็หมุนเวียนในประเทศเกือบ 400,000 ล้านบาท เหมือนเราเป็นฟันเฟืองในส่วนตรงนั้น เป็น Speaker ของอุตสาหกรรม ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทย แล้ว Work Course หรือว่าแรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมก็เป็นล้านคน ล้านคนคูณ 5 เท่ากับลูกเด็กเล็กแดง โรงเรียน คอนโด อาหาร น้ำ เรื่องที่จะมีกินมีใช้ เราต้องดำเนินให้ถูกต้องและมันก็ทำให้เราเป็นประเทศซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำแห่งอัญมณี แบรนด์นอกก็ต้องมาอาศัยเมืองไทยในการหาพลอย ซื้อพลอย การผลิตผลงานในโรงงานเมืองไทย แล้วก็ยังนำมาโปรโมทขายให้กับคนไทยด้วยซ้ำไป เพราะว่าที่ขายให้คนไทยได้ดี เพราะเมืองไทยเป็นเมืองแห่งอัญมณี คนไทยมีความรู้ความสามารถที่จะเข้าใจถึงอัญมณีลึกซึ้ง ไม่ต้องไปอธิบายนักลงทุน
“สตาร์ทอัพ” (Startup) เขาก็จะได้รู้ในแง่ของมุมมอง วิธีคิด แล้วก็ตัวเลข แล้วก็สูตรต่างๆในการนำมาคำนวณดูแลลูกค้า การเอาใจลูกค้า การรักษาไว้ซึ่งลูกค้า และการหาลูกค้าใหม่ๆ เป็นองค์ประกอบ และ วิธีมัดใจลูกค้า และที่สำคัญก็วิธีการดูแล นักรบด้วยกัน นั่นก็คือ เพื่อน พนักงาน ซึ่งถ้าขาดกองทัพก็ไม่มีวันที่จะรบชนะได้ เพราะฉะนั้นกองทัพจึงสำคัญ
การที่ผมมาออกรายการ Shark Tank Thailand ซีซั่น4 กระแสฟิตแบคดีมาก เป็นครั้งแรกที่ตัวเองรู้สึกเหมือนเป็นซุปตาร์ พอดูแล้วก็มาได้จริง มันก็อาจจะเป็นในสายอาชีพที่เป็นนักธุรกิจในสายเลือดโดยไม่รู้ตัว และพอเราพูดออกไปมันก็อาจจะไปโดนใจผู้คน ทำให้เขาเหมือนกับไม่ต้องไปเสียเวลา ไม่ต้องไปเสียใจ ไม่ต้องไปผ่านประสบการณ์เอง มันโดนแล้วจบเลย “ชาร์คหนึ่ง” บอกแบบนี้ เราก็ต้องไปต่อเลย หรือ อาจจะต้องเสียใจก็ต้องเสียใจในตอนนี้เลยแล้วค่อยไปต่อ
ถ้าพูดถึงรายการ Shark Tank Thailand มีประโยชน์กับคนทั่วไปที่ชมมั้ยแน่นอน เพราะว่าส่วนใหญ่นักธุรกิจจะเงียบกัน อย่างมากสุดก็มาสัมภาษณ์หนังสือ business แต่นี่ธุรกิจก็ทำให้โลกหมุนเวียนไป และคุณก็ได้เบอร์เจ๋งๆ มาพูดในประสบการณ์ที่เขาทำขึ้นมาจริงๆ มันเป็นประสบการณ์หนึ่ง แต่มันสามารถที่จะลามทุ่งไปเป็นโนว์ฮาวให้กับวิธีคิดที่หลายๆคนขึ้นมาได้ ผมเองก็ Inspire สร้างแรงบันดาลใจจากนักธุรกิจหลายๆคนที่ทำให้เราเดินมาถึงก้าวนี้เพราะประโยคไม่กี่ประโยคเช่นกัน
ตัวอย่างของผมคือ คุณพ่อ คุณแม่ ท่านให้องค์ความรู้ ท่านให้ประโยคสำคัญๆ เป็นวิธีในการดำเนินชีวิตเวลาเราประสบความสำเร็จและความล้มเหลว ท่านก็ให้โนว์ฮาวในการไปต่อ ถึงแม้ว่าสำเร็จแต่ถ้าคุณใช้ความสำเร็จไม่เป็น ความล้มเหลวก็รอคุณอยู่
สำหรับโปรเจคส์ ชาร์คหนึ่ง “Shark Academy” การเตรียมตัวนานแค่ไหน? ผมต้องชื่นชมทีมงาน ผมเชื่อในทีมเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีศาสตร์ของการศึกษาอยู่ แต่ถ้าเขาเข้าใจในตัวชาร์ค เขาก็จะไปย่อยศาสตร์ตรงนั้นออกมาจนทำให้เมสเสจต่างๆ ของชาร์ค Get Through หรือว่าส่งต่อไปให้ยังผู้ที่มาชม ผู้ที่มาเรียนได้ ซึ่งตรงนั้น คือศาสตร์ที่สำคัญ เพราะฉะนั้นการเป็นชาร์ค คล้ายๆการทำงานเป็นพิธีกร เป็นงานส่งต่อ เป็นงานองค์ความรู้ ถ้าทีมงาน หรือ ทุกสิ่งทุกอย่างมีการประกอบกันและสร้างองค์ความรู้ออกมาที่น่าสนใจผ่านประสบการณ์ของชาร์คได้อันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
สุดท้ายนี้อยากให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ รวมถึงผู้ที่สนใจในเรื่องของการทำการตลาด ตัวเลข เข้ามาดูกันเยอะๆนะครับ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของผมเองที่ใช้ชีวิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ และก็ที่ต่อสู้สร้างแบรนด์ของคนไทย อย่าง Beauty Gems (บิวตี้เจมส์) ให้เป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร และถ้าผมจะชาเลนจ์ (Challenge) ก็คือว่าก็ลองนับให้ครบ 10 นิ้ว ว่าแบรนด์ของคนไทยมันมีอะไรบ้างที่ไปในระดับโลก และระดับโลกให้ความยอมรับมันก็ไม่ใช่ง่าย แต่ผมเชื่อว่าต้องมี บิวตี้เจมส์ อยู่ในนั้น ต้องมี บิวตี้เจมส์ อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคนว่าฉันภูมิใจว่าอันนี้เป็นของคนไทย และเราก็เพิ่งประสบความสำเร็จกับผลงานมรกตประกายเพชร ซึ่งเพิ่งออกอากาศไปให้ทุกท่านได้เห็น พระปรีชาสามารถของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ท่านก็ทรงออกแบบ และพระราชทานแบบ มาให้ Beauty Gems (บิวตี้เจมส์) รังสรรค์ผลงานขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นการเอ็กซ์ระหว่าง SIRIVANNAVARI x Beauty Gems
