หลังจากที่ อินทนิล ได้มีการประกาศครบ 1,000 สาขา ด้วยแนวคิด “ผูกพัน ผลิบาน ยั่งยืน” ไปแล้วในปีที่ผ่านมา ในปี 2566 ได้มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในปั๊มบางจากและนอกปั๊มบางจาก ด้วยสัดส่วนนอกปั๊มในตอนนี้ที่มีมากกว่า 40% มุ่งเน้นขยายไปใน Strategic Location ได้แก่ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ออฟฟิศสำนักงาน สถานศึกษา และมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วประเทศ จากการขยายสาขาออกนอกสถานีบริการ อินทนิลได้เข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ “คนรุ่นใหม่ และวัยทำงาน” (New Gen & Young Working Age) เพิ่มขึ้น ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ในอนาคต จึงเป็นที่มาของ “กลยุทธการตลาดสร้างความสุข” ฮีลใจส่งพลังบวก ไปกับกิจกรรมความสนุก ให้ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ผ่านแคมเปญพิเศษของ Inthanin ที่ชวนทุกคนมาอินทุกโมเมนต์ความสุขโดยการนำเอาคาแรคเตอร์การ์ตูนดังระดับสากลฝีมือคนไทย โดยคุณน้อยหน่า-สุริยา อุทัยรัศมี ที่พาตัวละคร น้องอายะ (Aya) สาวน้อย ผู้ร่าเริง รักสัตว์ พร้อมเหล่าผองเพื่อน น้องอามิ (Ami) น้องอาริ (Ari) กับแก๊งค์เหมียว-โฮ่ง น้องแมวโคโค่ (Cocoa) น้องหมาจิงเจ้อ (Ginger) และน้องแมวสามสีฮาเซล (Hazel) มาบอกเล่าเรื่องราวแบ่งปันโมเมนต์ความพิเศษเมนูยอดฮิตของอินทนิล Top 5 เมนู ด้วยคำคมน่ารัก แชร์ทุกโมเมนต์ความสุขด้วยกันผ่านการสแกน QR Code Check in ถ่ายภาพ กรอบรูปลายการ์ตูนน่ารัก แล้วแชร์ไปที่ Social Media หรือคอมมูนิตี้ของทุกคนได้ทันที นับเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ทำให้เพิ่มรอยยิ้มและความสนุกให้กับลูกค้าอินทนิลไม่น้อย
แคมเปญนี้อินทนิลจัดโปรโมชันใหญ่เอาใจ Young Gen โดยนำเอาเหล่าคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนเป็นตัวแทนเครื่องดื่ม Top 5 ของอินทนิล นำทีมด้วย อเมริกาโน่ โกโก้ เอสเพรสโซ่ ชาไทยลาเต้ และชาเขียวลาเต้ มาอยู่บนแก้ว Reusable Cup 5 สี 5 ลาย แจกฟรี! เพียงซื้อเครื่องดื่มอินทนิลเมนูใดก็ได้ 2 แก้วขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ รับแก้ว Reusable Cup 1 ใบ ที่ร้านอินทนิลที่ร่วมรายการ แจกเพียงสัปดาห์ละ 1 สี จำนวนจำกัด อินทนิลเลือกที่จะสร้างกระแสเปิดตัว 3 สีแรก เท่านั้น แล้วเก็บอีก 2 สีไว้ให้ลุ้นว่าจะเป็นลายอะไร ยิ่งทำให้กระตุ้นลูกค้ากลุ่มนี้ สนุก ตื่นเต้น สร้างความหวังของต้องมี! เอาไว้เก็บสะสม เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงสิ้นปีนี้ ไปพร้อมกับจะสร้างความทรงจำ ความรู้สึกดีๆ ในทุกครั้งที่ได้ดื่มเครื่องดื่มอินทนิลคู่กับเบเกอรี่ กับตัวการ์ตูนที่มาสร้างสีสันในทุกๆ Touch Point
อินทนิลยังคงพัฒนาเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และขนม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเพศ และ ทุกวัย ให้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เข้ามาที่ร้านอินทนิลมีเมนูให้เลือกหลากหลายเข้าได้กับทุกคน เพื่อให้ร้านอินทนิลเป็นมากกว่าร้านกาแฟและสามารถเป็นสิ่งที่สร้างความสุขได้ในทุกวัน สนับสนุนแนวคิด Happy Marketing ที่พร้อมจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีการเติบโตของคนกลุ่มนี้มากขึ้น อินทนิลได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “สลัชชี่” มาพร้อมกับ “ซอฟต์เสิร์ฟ” ที่นำเครื่องดื่มยอดนิยมมาพัฒนาต่อยอดเป็นเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง และไอศกรีม เป็นเมนูท้าลมหนาว เย็นฉ่ำดื่มด่ำกับรสชาติเมนูยอดฮิตของอินทนิลในรูปแบบใหม่ ที่กำลังเป็นกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในขณะนี้ สำหรับเมนูสลัชชี่ไม่เหมือนเมนูปั่นทั่วไป แต่เป็นการนำเอาโกโก้เย็น ที่รสชาติเข้มข้นได้ได้รับฉายาการันตีความฮอตฮิตว่าเป็นเมนูมหาชน และ ชาไทยลาเต้เย็น เมนูชาไทยที่หอมโดนใจ พร้อมรสชาติความหวานละมุนที่ลงตัว มาปั่นในเครื่องสลัชชี่ด้วยความเย็นจัด จนควบแน่นจับตัวกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่เย็นฉ่ำ ดื่มด่ำได้แบบรสชาติเดี่ยวๆ และแบบทูโทน ส่วนไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟได้พัฒนารสชาติ โยเกิร์ต โกโก้ ชาเขียว และชาไทย เป็นของหวานรสละมุนเย็นชื่นใจ ไว้ให้ลูกค้ามาสร้างความสนุกนำไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟไปออนท้อปบนเครื่องดื่มแก้วโปรด กลายเป็น “ซอฟต์โฟลต” ความสนุกของสิ่งนี้คือการมิกซ์ 2 เมนูนี้มาอยู่ในแก้วเดียวกัน คือเปิดโอกาสให้ลูกค้าลองดีไซน์เครื่องดื่มของตัวเองได้ เอาใจคนรุ่นใหม่ไปเต็มๆ
โดยอินทนิลจึงมีแผนพัฒนาสลัชชี่และซอฟต์เสิร์ฟ รสชาติอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดความนิยมเครื่องดื่มอินทนิลที่ได้ออกสู่ตลาดไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบันสลัชชี่ และซอฟต์เสิร์ฟ ทดลองในบางสาขา และมีแผนจะขยายสาขาเป็น 30 สาขา ภายในสิ้นปี 2566 จากการทดลองสลัชชี่และซอฟต์เสิร์ฟ ในช่วงเวลา 2 เดือน กระแสตอบรับจากลูกค้าดีมากๆ จนเกิดไอเดียธุรกิจที่จะขยายการลงทุนไปยังสาขาของผู้ประกอบการที่สนใจ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2567 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่จะสร้างยอดขายและกำไรสูงให้กับกลุ่มผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
สำหรับเครื่องดื่มต้อนเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ อินทนิลกำลังจะเปิดตัว “ท็อฟฟี่นัท” เอาใจลูกค้ากลุ่ม Nutty Lover นำมาผสมผสานกับ 3 เมนูฮีโร่ที่ครองใจมหาชน ได้แก่ อเมริกาโน่เย็น โกโกเย็น และ ชาไทยลาเต้เย็น เพิ่มมาด้วยฟองครีมท็อฟฟี่นัท ที่เนียน นุ่ม ละมุน ทำให้ได้รสชาติหอมหวาน และปิดท้ายด้วยการโรยด้วยอัลมอนด์ เพิ่มเท็กซ์เจอร์เพิ่มความลงตัวให้เมนูสุดพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ลงตัวและเหมาะสำหรับการปาร์ตี้กับคนพิเศษ มาเติมความสุขในเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึงในปีนี้
ปี 2566 อินทนิลมีสัดส่วนการบริหารสาขาที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการ 75% ส่วนที่เหลือเป็นของบริษัท บางจากรีเทล จำกัด อยู่เพียง 25% การขยายสาขาตลอดทั้งปีมุ่งเน้นครอบคลุมอำเภอ หรือเมืองใหญ่ในแต่ละจังหวัด ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 1,000 สาขา แบรนด์อินทนิลเป็นเครือข่ายร้านกาแฟอันดับ 2 ของประเทศ ในตลาดกาแฟนอกบ้าน (Coffee Chain Store) สำหรับเป้าหมายการขยายสาขาตั้งเป้า 2,500 สาขา ภายในอีก 5 ปี นับจากนี้
จุดยืนของอินทนิลยังคงความเชื่อมั่นในแนวคิดและการดำเนินงาน ที่จะทำให้อินทนิลเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า โดยเน้นการพัฒนาBaristaที่สาขาให้รักษามาตรฐาน ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในทุกเวลาที่ลูกค้ามาใช้บริการ ด้วย คอนเซปต์ โฮมมี่ (Homey) ที่ตั้งใจให้ร้านอินทนิลเป็นพื้นที่แห่งความอบอุ่นเสมือนบ้านอีกหลัง ที่พร้อมต้อนรับให้ลูกค้าทุกคนได้เข้ามาพักพิงใจ ผ่อนคลาย เติมพลังให้กัน เคียงข้างไปกับความประทับใจทุกคนที่ก้าวเข้ามาใช้บริการ ตลอดจนดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการคำนึงถึงผลตอบแทนทางธุรกิจของผู้ประกอบการซึ่งเป็น Partner คนสำคัญที่ร่วมสร้างความเติบโตของอินทนิลมาถึงวันนี้
จากกลยุทธ์การตลาดสร้างความสุขผ่านการสร้างประสบการที่ดีกับลูกค้าและการขยายสาขาในจุดยุทธศาสตร์เจาะกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ยอดขายจาก 1,000+ สาขา ในปี 2566 นี้ ทะลุไปถึง 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 14% ซึ่งมากกว่าประมาณการเติบโตตลาดกาแฟ ที่ประมาณการไว้เพียง 10% สิ่งที่น่าสนใจคือยอดขายทั้งหมดของอินทนิลมากจากกลุ่มลูกค้าสมาชิกบางจากกรีนสไมล์ที่เติบโตจากปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า จากกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงเวลาพิเศษ สิทธิประโยชน์ต่างๆ เฉพาะสมาชิก ที่มาใช้ในร้านอินทนิลและยังสามารถใช้บริการในธุรกิจอื่นๆ กลุ่มบางจาก ตลอดจนส่วนลดร้านค้าพันธมิตรของบางจากอีกด้วย
ปี 2566 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่อินทนิลตั้งใจส่งต่อสิ่งดีๆ สู่ผู้บริโภคมาตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี การันตีด้วยรางวัล Superbrands ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน นั่นเป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์อินทนิลได้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บรโภคแล้ว สำหรับอินทนิลเป็นแบรนด์กาแฟแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัล Superbrands ประจำปี 2566 แสดงถึงศักยภาพและความสามารถของแบรนด์ใน กลุ่มบริษัทบางจากฯ ที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ การสร้างสมดุล ผ่านการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยรางวัล Superbrands นับว่าเป็นรางวัลยกย่องแบรนด์ที่มีความเป็นเลิศในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าและได้รับการโหวตสูงสุดจากผู้บริโภคทั่วประเทศ รวม 15,000 คน ผ่าน 3 หลักเกณฑ์ คือ คุณภาพของแบรนด์ (Brand Quality) เอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Personality) และความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค (Brand Affinity)