วันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 16:47น.

“SMD” เตรียมพร้อมกระจายสินค้า “ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A & B แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง” 

8 ธันวาคม 2023

        SMD เผยปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A & B จัดจำหน่ายอยู่ทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ 1) SARS-CoV-2 and Influenza A+B Antigen Combo Rapid Test (Colloidal Gold) 2) Influenza A & Influenza B Antigen Combo Rapid Test (Colloidal Gold) 3) ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A&B แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง – Influenza A & Influenza B Antigen Combo Rapid Test (Colloidal Gold) โดยชุดตรวจประเภทที่ 1 และ ประเภทที่ 2 ซึ่งมีข้อห้าม 2 ประการ คือ “ห้ามบุคคลทั่วไปนำไปใช้ตรวจตัวเอง และห้ามขายแก่บุคคลทั่วไป” ซึ่งข้อความทั้งสองดังกล่าวนี้ได้ระบุไว้ให้เห็นชัดเจนบนฉลากหน้ากล่องสินค้า ดังนั้น สินค้าทั้ง 2 ประเภทนี้ บริษัทฯ จะจัดจำหน่ายให้แก่ โรงพยาบาล คลินิก และตัวแทนจำหน่ายช่วง เท่านั้น แต่สำหรับชุดตรวจประเภทที่ 3 ซึ่งเป็นชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A&B แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง จะมีข้อความระบุบนฉลากหน้ากล่องว่า “บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้” ดังนั้น บริษัทฯ จะจัดจำหน่ายสินค้าประเภทที่ 3 นี้ ให้แก่ ตัวแทนจำหน่ายช่วงและร้านขายยาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ   

        ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังกล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีการลักลอบจัดจำหน่ายชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A & B แบบ Professional Use หรือ ชุดตรวจโควิดและชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A & B อยู่ในชุดเดียวกัน แบบ Professional Use อีกทั้งยังมีการจัดจำหน่าย ชุดตรวจโควิดและชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A & B และ RSV ที่อยู่ในชุดเดียวกัน แบบ Professional Use ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้จะมีข้อห้าม “ห้ามบุคคลทั่วไปนำไปใช้ตรวจตัวเอง และห้ามขายแก่บุคคลทั่วไป” โดยข้อความดังกล่าวจะระบุไว้ชัดเจนหน้ากล่องผลิตภัณฑ์ ซึ่งหมายความว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะต้องถูกใช้งานโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น เนื่องจาก มีโอกาสเกิด Cross Sex และ/หรือ เหตุผลอื่นๆ อีกหลายประการ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนทั่วไปสับสนหรือตื่นตระหนกได้   

        อย่างไรก็ตาม พบว่าปัจจุบันมีการลักลอบจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็น Professional Use หลากหลายผลิตภัณฑ์ให้แก่ประชาชนทั่วไป ในรูปแบบถอดกล่องสินค้าและฉลากสินค้าทั้งหมดทิ้งไป โดยนำชุดตรวจใส่ในถุงซิปพลาสติกใส ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

        อนึ่ง ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อ ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A&B แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง ผ่านตัวแทนจำหน่ายช่วงและร้านขายยาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ จำนวน 9 บริษัท

        ดร.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนเองมีประสบการณ์กลับจากไปดูงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อประมาณปลายปี 2565 กลับมามีอาการป่วยมากใกล้เคียงกับโควิดแทบทุกประการ (แต่ตอนนั้นยังไม่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อน) จึงตรวจ ATK COVID-19 ผลตรวจเป็นลบ แต่มั่นใจว่าจะต้องเป็นโรคใดโรคหนึ่งระหว่างโควิด-19 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A & B จึงถือโอกาสทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่นี้และตรวจพบเชื้อ Influenza A หลังจากนั้นจึงรีบไปพบแพทย์โดยทันที และได้ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ยาทามิฟลู (Tamiflu) มารับประทาน ถือว่าเป็น Early Detection – Early Treatment – Early Recovery ผ่านชุดตรวจผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วการตรวจพบโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A & B ยิ่งเร็วเท่าไหร่ การรักษาด้วยยาก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน อีกทั้ง โรคโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A & B ในผู้ป่วยบางรายมีอาการใกล้เคียงกันมาก แต่การรักษาด้วยยาจะต่างกัน 

        ดร.วิโรจน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ผลิตภัณฑ์ ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A&B แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง ยี่ห้อ Baicare เป็นผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกับ ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง ซึ่งจัดจำหน่ายในช่วงโควิดโอมิครอนระบาดหนัก เมื่อต้นปี 2565 โดยบริษัทฯ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้ได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่า ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A&B แบบตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง ยี่ห้อ Baicare จะได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วไปเหมือนชุดตรวจโควิด-19

        สุดท้ายนี้ ดร.วิโรจน์ CEO SaintMed ฝากถึงนักลงทุนผู้ถือหุ้นทุกๆท่านด้วยข้อความสั้นๆแต่มีความหมายลึกซึ้ง “SMD เราให้ความสำคัญกับ Business Model และ ESG ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตแบบสมดุล ยั่งยืน และรุ่งเรืองร่วมกัน เรามุ่งเน้นการแสวงหาเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ต่อวงการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมไปถึงมีอายุยืนยาวมากขึ้น และ/หรือ มีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนทุกท่านที่ได้ลงทุนกับหุ้น SMD ไม่ใช่แค่ได้รับผลดีจากเรื่องกำไรหรือผลตอบแทน แต่ยังเป็นเรื่องของประโยชน์ที่ผู้ป่วย และสังคมรวมทั้งระบบสาธารณะสุขในภาพรวมของไทย จะได้รับตามที่ได้ดังกล่าวมาข้างต้นอีกด้วย” ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ “ส่งมอบเครื่องมือแพทย์และการบริการที่มีคุณค่า สู่ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย” ดร.วิโรจน์ กล่าว 

        ข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัดใหญ่ 

        โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศไทย พบได้ตลอดปีเกิดการระบาดมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ผู้ป่วยที่เคยป่วยไข้หวัดใหญ่แล้วยังสามารถป่วยซ้ำได้อีกและยังพบในทุกช่วงวัยซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตมากกว่าโรคไข้หวัดทั่วไป 

        โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza Virus) เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สำคัญที่สุดโรคหนึ่งในกลุ่มโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และโรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ เนื่องจากเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) มาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเกือบทุกทวีป ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตนับล้านคน 

        สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ในคนมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ A, B และ C แต่มีเพียงสายพันธุ์ A และ B ที่มีการระบาดโดยทั่วไป โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แบ่งออกเป็นหลายซัปไทด์ ซัปไทด์ที่มีการระบาดเป็นประจำคือ H1N1 และ H3N2 ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B แบ่งออกเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata โดยอาการมักไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A 

        วิธีการติดต่อ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดต่อทางการหายใจ โดยจะได้รับเชื้อที่ออกมาปนเปื้อนอยู่ในอากาศเมื่อ ผู้ป่วยไอ จาม หรือพูด ในพื้นที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เช่น โรงเรียน โรงงาน การแพร่เชื้อจะเกิดได้มาก นอกจากนี้การแพร่เชื้ออาจเกิดโดยการสัมผัสฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย (droplet transmission) จากมือที่สัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แล้วใช้มือสัมผัสที่จมูกและปาก 

        อาการ อาการจะเริ่มหลังได้รับเชื้อ 1-4 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้แบบทันทีทันใด ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก และอาจพบอาการคัดจมูก เจ็บคอ ถ้าป่วยเป็นระยะเวลานานอาจจะมีอาการไอจากหลอดลมอักเสบ (post viral bronchitis) อาการจะรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา (common cold) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่มีบางรายที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ปอดบวม ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ 

        ผู้ที่เสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิต ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยาแอสไพรินเป็นเวลานาน หญิงตั้งครรภ์ระยะที่ 2 หรือ 3 ในฤดูกาลที่มีไข้หวัดใหญ่สูง 

        การรักษาไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่สามารถหายเองได้ หากมีอาการไม่รุนแรงสามารถดูแลเองที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว และใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล หรือถ้ามีน้ำมูกให้ใช้ยาลดน้ำมูกและยาละลายเสมหะ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อนและให้นอนพักผ่อน ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน อาจต้องใช้ยาต้านไวรัส โอลเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ในการรักษา ผู้ป่วยที่มีอาการหอบเหนื่อย สงสัยปอดอักเสบหรือมีอาการที่รุนแรงอื่น อาจมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาโดยการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด 

        วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง สวมหน้ากากอนามัยปิดปาก/จมูก ไม่พยายามเอามือขยี้ตาแคะจมูกหรือเอามือเข้าปาก เมื่อมีอาการป่วย ควรหยุดเรียน หยุดทำงาน หยุดกิจกรรมกลุ่ม และพักรักษาตัว ถึงแม้ไข้หวัดใหญ่มีอาการรุนแรง และส่งผลต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว แต่ถ้าเรารู้เท่าทันและป้องกันตัวเอง ไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอีกต่อไป ยิ่งช่วงหน้าฝนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และฉีดสม่ำเสมอทุกปี 


คลิปวิดีโอ