ในโลกธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันองค์กรต่างๆ ถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยพนักงานที่มีความหลากหลายมากมาย อาทิ ความคิด วัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ ทัศนคติ และการเติบโตที่ต่างกัน หากไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ขององค์กรได้ Generation Gap จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่องค์กรต่างๆ ต้องเร่งพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ เพื่อรับมือและปรับความเข้าใจของความต่างระหว่างวัย เพื่อให้พนักงานในองค์กรอยู่ร่วมกันได้อย่างไร้ปัญหาและนำพาองค์กรสู่ความยั่งยืน จากความคิดและความเชื่อที่แตกต่างกัน ส่งผลให้องค์กรต้องเร่งรับมืออย่างเร่งด่วน JobsDB by SEEK แพลตฟอร์มหางานชั้นนำของเอเชีย ภายใต้กลุ่มบริษัท SEEK (ซีค) ได้มองเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ จึงได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ seekTALKS ปัญหาต่างวัย … จัดการอย่างไร กับ Generation Gap ในที่ทำงาน
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ JobsDB Thailand (บริษัท จ๊อบส์ ดีบี ประเทศไทย จำกัด) กล่าวว่า “จากการที่ JobsDB by SEEK ได้ร่วมพูดคุย หรือสำรวจปัญหาจากทางผู้ประกอบการ และฝ่ายทรัพยากรบุคคลพบว่า Generation Gap ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของอายุที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความต่างด้านความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ รวมไปถึงการเติบโตที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของสังคม ก่อให้เกิดปัญหาในองค์กรได้ง่าย และทำให้เกิดความขัดแย้งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลให้พนักงานบางคนอาจตัดสินใจลาออกเพื่อหนีปัญหา ซึ่งอาจทำให้องค์กรต้องสูญเสียพนักงานฝีมือดีไป โดยเกิดจากการไม่เข้าใจของคนต่างวัยนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ JobsDB by SEEK จัด seekTALKS สัมมนาออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ “ปัญหาต่างวัย … จัดการอย่างไร กับ Generation Gap ในที่ทำงาน” ร่วมมือกับสถาบันชั้นนำต่างๆ ในประเทศ ที่มีแนวคิด “ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน” เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและองค์กรเข้าใจถึงสถานการณ์การจ้างงานที่เปลี่ยนแปลงไป เรียนรู้ และนำไปพัฒนาองค์กรทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผ่านผู้นำทางความคิดที่มาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมกับการทำงานและมีใจรักในการทำงาน ที่จะเสริมสร้างผลลัพธ์ให้กับองค์กรแบบยั่งยืน”
อาจารย์นพพล นพรัตน์ ผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาและวิทยากรให้แก่บริษัทชั้นนำมากมายในหลากหลายอุตสาหกรรมมามากกว่า 17 ปี วิทยากรที่มาร่วมบรรยาย seekTALKS สัมมนาออนไลน์ ในหัวข้อ “ปัญหาต่างวัย … จัดการอย่างไร กับ Generation Gap ในที่ทำงาน” ไปเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กล่าวว่า “เมื่อเราพูดถึง Generation Gap ในวัยทำงาน เราต้องนึกถึงกลุ่มคนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่ง Generation Gap ประกอบด้วย กลุ่ม Silent Generation คือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี 1923-1945 มักมีความเคร่งครัดในกฎระเบียบ เป็นกลุ่มคนที่ผ่านความยากลำบาก ทำให้มีแนวคิดในเรื่องของความไม่มีอะไรแน่นอน และใช้ทั้งชีวิตเพื่ออุทิศให้คนในครอบครัว และเน้นพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มคนเจนนี้ จะเป็นกลุ่ม ปู่ย่า ตายาย ของเรานั่นเอง กลุ่มถัดมาเป็นกลุ่ม Baby Boomers คนที่เกิดในช่วงปี 1946-1964 มักมีความเชื่อถือในความมุ่งมั่นและความหมั่นเพียรในการทำงาน และมองว่าประสบการณ์ทางการงานมีค่าและมีความสำคัญมากที่สุด กลุ่ม Generation X กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1965-1980 เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยที่เป็นอิสระและทรงพลัง มักมีทักษะการทำงานที่ดีและใช้ประโยชน์จากทักษะด้านเทคโนโลยี กลุ่ม Generation Y หรือกลุ่ม Millennials กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1981-1996 เป็นคนที่มีลักษณะนิสัย หัวสมัยใหม่ มีความตั้งใจในการทำงาน พร้อมไฟอันแรงกล้า แต่ก็ตรงไปตรงมาในเรื่องการแยกเวลางานกับเวลาส่วนตัว รวมไปถึงการสนับสนุนค่านิยมการทำงานแบบ Work Life Balance เพื่อเน้นให้ตัวเองมีความสุขทั้งกับการทำงานและชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ยังเป็นช่วงวัยที่เน้นการทำงานที่มีผลตอบแทนที่คุ้มค่า หากพบเจอปัญหาในที่ทำงาน ที่ทำลายความสุขส่วนตัวในชีวิต ก็พร้อมจะเดินหน้าหาที่ทำงานใหม่ที่ฟิตกับไลฟ์สไตล์ของตนเองแบบไม่ลังเล และกลุ่มสุดท้ายที่ตอนนี้เริ่มเข้ามามีบมบาทในการทำงานมากขึ้น แม้จะเป็นส่วนน้อย แต่ในอนาคตจะเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานอย่างแน่นอน นั่นคือกลุ่ม Generation Z กลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ปี 1997 – 2012 ซึ่งเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีและมีทักษะทางดิจิทัลที่แข็งแกร่ง”
“การรับมือกับ Generation Gap หรือกลุ่มคนที่มีหลายช่วงอายุในที่ทำงาน คือการเคารพความแตกต่าง พร้อมกับการยอมรับในตัวตนของกันและกันมากขึ้น โดยสิ่งแรกที่ควรทำคือการเปิดใจรับฟังทุกคนอย่างเข้าอกเข้าใจ ทั้งในเรื่องของมุมมอง และความรู้ ประสบการณ์ที่แต่ละช่วงวัยได้พบเจอมา 2.มีการชื่นชมจุดที่เป็นความภาคภูมิใจของผู้อื่นมากขึ้น เนื่องจากคำชื่นชมจะเป็นการเพิ่มกำลังใจ เติมความสุขและเสริมให้ช่วยกันทำงานให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น 3.เสริมข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการสร้างความเข้าใจในแต่ละช่วงวัย 4.สร้างทางเลือกที่มาจากความแตกต่างเพื่อให้งานออกมาได้หลายมุมมองและมีมิติ และ 5.ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือต่างๆ ที่ได้มาจากจุดที่แต่ละวัยมีความภาคภูมิใจที่ต่างกัน เพื่อเคารพซึ่งกันและกัน”
นอกจากการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัยแล้ว สิ่งที่องค์กรควรให้ความสนใจนั่นคือ การยืดหยุ่นในการทำงาน เพื่อสร้างความสมดุลให้กับคนทำงานได้มากขึ้น คือการจัดสวัสดิการให้สอดคล้องกับคนแต่ละช่วงวัย, การผ่อนคลายข้อจำกัดบางอย่างในเรื่องของการทำงาน อย่าง Hybrid Work หรือ การลาพักร้อนที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือสะสมวันลาได้ และสุดท้ายคือการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมตัวตนของแต่ละช่วงวัย ให้ดึงศักยภาพของแต่ละคนที่มีออกมาเพื่อนำมาพัฒนาองค์กร
“หากเราเชื่อมั่นว่าปัญหาระหว่างวัยในที่ทำงานสามารถแก้ไขได้ และไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ทุกคนต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะเรื่องของการสื่อสารให้เข้าใจในเป้าหมาย และแนวทางของตนเอง เมื่อมีเป้าหมายเดียวกันแล้ว จะเกิดการรับฟังมากขึ้น แม้จะมีจะมีการขัดแย้งบ้างแต่ก็คงไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานร่วมกันอีกต่อไปครับ” อาจารย์นพพล กล่าวเสริม
“นอกจากนี้การส่งเสริมความเข้าใจในเรื่องของการแก้ปัญหา Generation Gap ในที่ทำงาน แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทาง JobsDB by SEEK ทำมาโดยตลอดคือการสนับสนุนนโยบายการไม่เลือกปฏิบัติ การต่อต้านการล่วงละเมิด และสนับสนุนความหลากหลายของพนักงานในองค์กร เพื่อเปิดกว้างให้กับผู้ที่เข้ามาฝากประวัติการทำงาน หรือองค์กรที่ต้องการคนทำงาน มีสิทธิและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน เพราะทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองที่สำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่จุดหมาย การที่องค์กรมีพนักงานที่มีความแตกต่างหลากหลายจะช่วยขยายมุมมองขององค์กรให้กว้างขึ้น และสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง” คุณดวงพร กล่าวปิดท้าย