วันเสาร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 18:04น.

PACO ขยายไลน์คอมเพรสเซอร์แอร์ พร้อมอะไหล่ช่วงล่าง เพิ่มยอดขายในประเทศ

30 กันยายน 2021

        “PACO” บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ เปิดเกมส์รุก ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดขยายไลน์สินค้าหลัก ขึ้นแท่นผู้นำอะไหล่แอร์รถยนต์ทดแทนแบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มรถยนต์ทุกประเภท ทั้งรถยนต์นั่ง และรถกระบะ 1 ตัน พร้อมรับ สภาวะวิกฤติ IC Chip และชิ้นส่วนรถยนต์ ขาดตลาด เป็นโอกาสสำคัญของตลาดอะไหล่รถยนต์ ทดแทน ให้เติบโตต่อเนื่อง

        นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (“PACO”) ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ชั้นนำของไทย กล่าวว่า ธุรกิจหลักของ PACO คือ ผลิตและจำหน่าย คอยล์ร้อนและคอยล์เย็น แอร์รถยนต์ภายใต้แบรนด์ PACO มาร่วม 30 ปี ซึ่งส่งออกจำหน่ายตลาดต่างประเทศ ทุกทวีป และ จำหน่ายในประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ เครือข่ายร้านค้า PACO Auto Hub กว่า 200 สาขา

        ล่าสุด PACO ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตจำหน่ายอะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ด้วยการ เพิ่มสินค้าใหม่ กลุ่ม คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ และชิ้นส่วนระบบท่อแอร์ต่างๆ ซึ่งนอกจากช่วยเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว ยังช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทอย่างมั่นคง โดยช่วงแรก บริษัทฯ จะมุ่งเน้นสินค้าสำหรับรถยนต์นั่งยอดนิยม อาทิ โตโยต้า อัลติส ฮอนดา ซิวิค และรถบรรทุกเล็กขนาด 1 ตัน อาทิ โตโยต้า วีโก้ อีซูซุ ดีแมกซ์ ยิ่งกว่านั้น PACO ยังได้ขยายไลน์แอร์รถยนต์ในกลุ่มรถหรู หรือ Luxury Cars อาทิ พอร์ช เมอร์ซิเดส เบ๊นซ์ บีเอ็มดับบลิว โดยชูจุดเด่น ด้านคุณภาพการผลิตมาตรฐานสากล พร้อมการรับประกันสินค้า 1 ปีในราคาที่ประหยัดกว่าเกิน 50% ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

        นอกจากนี้ PACO คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสภาวะการ IC Chip ขาดตลาดซึ่งทำให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบ และจะผลิตรถใหม่ได้น้อยลง ทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งต้องชะลอการซื้อรถใหม่ และ ใช้รถคันเดิมต่อไป ทำให้ตลาดอะไหล่รถยนต์ทดแทนคึกคักมากยิ่งขึ้น

        เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทฯได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลก คือ ยานยนต์ ไฟฟ้า (EV) โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญ สำหรับรถยนต์ ไฟฟ้า แบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่งขณะนี้ PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla ซึ่งเป็น แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model X และ Tesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20 และ G30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดย PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ

        “ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า(EV) เป็นตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และจะเข้ามา แทนที่ตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป และ ประเทศจีน ซึ่งเป็น 1 ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากทุกปี มีแบรนด์ รถยนต์ ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ และ จำหน่ายในราคาที่แข่งขันได้ กับรถยนต์ ที่ใช้ น้ำมัน (IC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีแบตเตอรี่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกปี สามารถขับรถได้ ระยะทางได้ไกลขึ้น ( 400-500 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และแบตเตอรี่มี ราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Plug-in Hybrid ทั่วโลกมากกว่า 11 ล้านคัน ณ สิ้นปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 230 ล้านคันภายในปี 2573 จึงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยผลิตภัณฑ์ของ PACO มีจุดเด่นที่มีคุณภาพเทียบเคียงกับอะไหล่แท้ ในราคาที่ต่ำกว่าประมาณ กว่า 200% และมีการรับประกันสินค้านานถึง 12 เดือน โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก และมีวางจำหน่ายตลาดในประเทศในเครือข่ายร้าน PACO Auto Shop กว่า 200 สาขา ในปัจจุบัน” นายสมชายกล่าว

        นอกจากนี้ PACO เตรียมขยายตลาดส่งออก ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดี บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ตลาดรถยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวดี มีคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ และ อะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดส่งออก หลักของบริษัทฯ คือ ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันที่มากขึ้นจากการเปิดเมือง ของ สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ทำให้บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อแอร์รถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าหลักเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทฯได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเนื่องจากรายได้หลักของบริษัทฯซึ่งมาจากการส่งออกกว่า 60% ประกอบกับราคาวัตถุดิบเริ่ม ปรับตัวลดลง ส่วนตลาดในประเทศ PACO มั่นใจว่า แผนการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub ได้ถึง 300 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่ รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเติบโตมากกว่าเป้าหมาย 15% โดยในครึ่งปีหลัง PACO เตรียมจะจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เพื่อเจาะตลาด และเพิ่มยอดขายในมาเลเซียอย่างมีประสิทธิภาพ


คลิปวิดีโอ